IRPC มั่นใจผลงานปี 66 พลิกมีกำไร จากปี 65 ที่ขาดทุนกว่า 4.3 พันล้านบาท หลังคาดราคาน้ำมันเฉลี่ยทั้งปีที่ 80-85 เหรียญ/บาร์เรล หนุนบริษัทขาดทุนจากการสต็อกน้ำมันน้อยลง พร้อมตั้งงบลงทุน 1.03 หมื่นล้านบาท เล็งกระจายลงทุนธุรกิจใหม่ต่อเนื่อง พร้อมพิจารณาปรับลดการสต็อกสินค้า-ตุนเงินสด หวังรับมือภาวะราคาปิโตรเคมีที่แย่สุดในรอบ 10 ปี ด้าน บล.ทรีนีตี้ แนะนำซื้อ แต่หั่นราคาเป้าหมายลงเหลือ 2.8 บาท แม้ผลงาน 1Q23 พลิกกลับมามีกำไร แต่แนวโน้ม 2Q23 อาจจะอ่อนตัว
นายพิจินต์ อภิวันทนาพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บัญชีและการเงิน บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจผลประกอบการทั้งปี 66 จะยังมีกำไรสุทธิตามแผนที่วางเป้าไว้ จากปี 65 ที่มีผลขาดทุนสุทธิราว 4,364 ล้านบาท เนื่องจากคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ระดับ 80-85 เหรียญ/บาร์เรล จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 75 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งระดับ 80 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งถือเป็นจุดที่ไม่ส่งผลให้บริษัทขาดทุนจากการสต็อกน้ำมัน
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/66 ยอมรับว่าค่อนข้างเหนื่อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/66 ที่สามารถพลิกมีกำไรสุทธิจำนวน 301 ล้านบาท เนื่องจากราคาสเปรด (Spread) ปิโตรเคมียังอยู่ในระดับต่ำ หลังลงมาอยู่ที่ระดับ 14-15 เหรียญ/บาร์เรล จากไตรมาส 1/66 ที่อยู่ระดับ 25 เหรียญ/บาร์เรล ประกอบกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลงต่อเนื่อง
"เราคาดหวังว่าราคาน้ำมันดิบจะกลับขึ้นไปที่สมมติฐานราว 80-85 เหรียญ/บาร์เรล เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลขับรถท่องเที่ยว (Driving Season) ในสหรัฐฯ และปิดเทอมของต่างประเทศ พร้อมกันนี้ในเอเชียยังมีดีมานด์ที่ดีอยู่จากประเทศจีนที่เริ่มฟื้นตัว" นายพิจินต์ กล่าว
ตั้งงบลงทุนปีนี้ 1.03 หมื่นลบ.
ส่วนงบลงทุนปีนี้อยู่ที่ระดับ 10,399 ล้านบาท ซึ่งช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ใช้งบลงทุนไปค่อนข้างน้อยมาก เพราะต้องการสำรองเงินสดเพื่อรับมือกับภาวะราคาปิโตรเคมีที่แย่สุดในรอบ 10 ปี และการพิจารณาลงทุนต่อจากนี้ต้องมีความชัดเจนพอสมควร
นอกจากนี้จากความผันผวนของราคาปิโตรเคมี บริษัทฯ ก็ได้มีการกระจายพอร์ตการลงทุนออกไปในธุรกิจใหม่ๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจเดิม เช่น การพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ในจ.ระยอง ร่วมกันกับบมจ. ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น(WHA) บนพื้นที่ 2,000 ไร่ คาดว่าจะสามารถมีรายได้จากการขายเข้ามาปี 67 เป็นต้นไป และมีแผนเข้าประมูลโครงการโซลาร์ฟาร์ม ภาครัฐ รอบ 2 ในพื้นที่อ.จะนะ จ.สงขลา รวมถึงมีแผนพัฒนาที่ดินติดทะเล ในจ.ระยอง ให้เป็นท่าเรือเชิงพาณิชย์ เพื่อต่อยอดธุรกิจตามแผนระยะกลางถึงยาว โดยคาดจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าบอร์ดกลางปีนี้
ทั้งนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับลดการสต็อกสินค้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อรับมือกับราคาปิโตรเคมีที่ผันผวน และป้องกันการขาดทุนจากการสต็อกน้ำมันที่มากเกินไป ซึ่งมีเป้าหมายลด Inventory ลงเหลือ 8 ล้านบาร์เรลจากเดิมอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาร์เรล
ทรีนีตี้ หั่นราคาเป้าหมายเหลือ 2.8 บาท มองกำไร 2Q23 อาจอ่อนตัว
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บล. ทรีนีตี้ คงคำแนะนำ ซื้อ แต่ปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ 2.8 บาท อิง Avg PBV -0.5SD ที่ 0.7 เท่า โดยแนวโน้มธุรกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด โดย 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับลดลงกว่า 10% จากความกังวล Fed ขึ้นดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ปั จจุบันราคาหุ้น Trade ที่อิง Avg PBV -1SD ทำให้ราคาปัจจุบันมี Downside ที่เริ่มจำกัด
ทั้งนี้ IRPC รายงานผลดำเนินงาน 1Q23 พลิกเป็นกำไรที่ 301 ล้านบาท -80% % YoY แต่ดีขึ้นจาก 4Q22 ที่ -7 พันล้านบาท โดยไตรมาสนี้มีผลขาดทุน Stock นํ้ามันสุทธิราว1.7 พันล้านบาท และมีกำไรจากการกลับรายการด้อยค่าพัสดุคงคลังราว 825 ล้านบาท ถ้าไม่นับรวมรายการพิเศษกำไรปกติอยู่ราว 1.1 พันล้านบาท ปรับดีขึ้นทั้งYoY และ QoQ
ส่วนแนวโน้ม 2Q23 กำไรปกติอาจจะเริ่มปรับลดลง จาก Crack Spread ของนํ้ามันดีเซลที่ปรับลดลงค่อนข้างมาก และมีโอกาสเกิด Stock loss ทั้งนี้มีการปรับประมาณการกำไรปี 2023-2024 ลงเหลือ 2.5 และ 3.5 พันล้านบาท ตามลำดับ