xs
xsm
sm
md
lg

“ซัมซุง” ชู 3 กลยุทธ์รุกดันรายได้ ปักธงแชมป์เครื่องใช้ไฟฟ้าใน 3ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน360 - ซัมซุง ชู 3 กลยุทธ์ ลุยศึกเครื่องใช้ไฟฟ้าปี66 ปักธงรั้งบัลลังก์เบอร์ 1 ทุกหมวดสินค้าภายใน 3 ปี จากปัจจุบันทีวีและตู้เย็นยืนหนึ่งไปแล้ว เหลือแค่เครื่องซักผ้าและแอร์ที่ต้องผลักดัน เชื่อปี2566นี้มั่นใจรายได้รวมโตเป็นตัวเลข 2 หลัก จากปีก่อนทำได้ 5-6% เท่ากับการเติบโตของตลาด


นางสาวเจนนิเฟอร์ ซอง ประธาน บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2565 ที่ผ่านมา แม้สถานการณ์โควิดเริ่มดีขึ้น แต่สถานการณ์หลายๆอย่างเปลี่ยนแปลงไปไม่เป็นอย่างที่คิด เช่น เรื่องของโกลบอลวอร์มมิ่ง ส่งผลต่อภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เติบโตได้เพียง 5-6% แต่ในกลุ่มสินค้าพรีเมี่ยม กลับเติบโตขึ้น 2 เท่า เพราะคนอยู่บ้านมากขึ้น เกิดไอเดียที่ต้องการตกแต่งบ้าน เพื่อสร้างพื้นที่ของตัวเองมากขึ้น

ในส่วนของซัมซุง เครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมี่ยมมียอดขายเติบโต 2 เท่าเช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มทีวี และซาวด์บาร์ ส่งผลให้ทีวียังคงครองสัดส่วนเป็นเบอร์ 1 ของตลาด รวมถึงตู้เย็นที่รั้งเบอร์ 1 ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายใน 3 ปี จะต้องมีแชร์เป็นอันดับ 1 ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ซึ่งยังเหลือ เครื่องซักผ้า ปัจจุบันอยู่อันดับ 2 ของตลาด และแอร์ อยู่ท็อป 5 ของตลาด ที่จะต้องผลักดันต่อไป


โดยใช้การขับเคลื่อนผ่าน 3 กลยุทธ์ คือ 1.อินโนเวชั่น พรีเมี่ยมโปรดักส์, 2.คอนเนกทิวิตี้ & ซัสเทนอะบิลิตี้, 3.B2B บิซิเนส ซึ่งมั่นใจว่าปี 2566 นี้ บริษัทจะมียอดขายกลับมาเติบโต 2 หลัก หรืออย่างน้อย 10% มากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 5-6% เท่าตลาด
ทั้งนี้ในปี 2566 ซัมซุงเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้ารวมกว่า 100 รุ่น อาทิ Samsung OLED TV ที่ขณะนี้เปิดให้พรีออเดอร์พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ, Neo QLED รุ่นใหม่, Lifestyle TV และทีวีรุ่นที่มี IOT บิลท์อินในตัว เป็นต้น ตั้งเป้าการเติบโตในปี 2566 ที่ 17% ส่วนกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน

ปีนี้ซัมซุงมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่ม Bespoke ที่ซัมซุงเป็นผู้บุกเบิกตลาด ส่งผลให้เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านกลุ่มพรีเมียมของซัมซุงเติบโตถึง 2 เท่าจากปี 2564 หรือจากปีก่อนมีอัตราการเติบโต 5% กลุ่มเครื่องซักผ้าและตู้เย็นเติบโต 5% กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก (เตาอบไมโครเวฟ เครื่องดูดฝุ่นและเครื่องฟอกอากาศ) เติบโต 10% อย่างไรก็ตาม ซัมซุงมุ่งผลักดันนวัตกรรมเรื่องของ SmartThings ให้ผู้บริโภคสามารถใช้ทุกอุปกรณ์เชื่อมโยงกัน เข้าถึงผู้บริโภคแต่ละคนได้มากกว่าและใช้งานง่ายกว่าเดิม ตอกย้ำอีโคซิสเต็มที่เชื่อมต่อกันอย่างชาญฉลาด


โดยมองว่าตลาดผู้บริโภคในปี 2566 ยังคงมองหาฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์ด้านความบันเทิงที่มากกว่าและใส่ใจสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตลาดทีวีพรีเมี่ยม หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์สำหรับ Bespoke และ Smart Home ชีวิตที่ให้บ้านเป็นเทรนด์การใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ โดยไทย อยู่ในอันดับที่สาม (72%) สำหรับความต้องการติดตั้งสมาร์ทโฮมรองจากเวียดนาม (84%) และอินโดนีเซีย (81%) ตามลำดับ

นอกจากนี้ยังพบว่า ตลาดทีวีปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคให้การตอบรับทีวีจอใหญ่มากขึ้น ทำให้สัดส่วนหน้าจอตั้งแต่ 65 นิ้วขึ้นไป เติบโตถึง 1.5 เท่า ส่งผลให้ทีวีพรีเมียมยังคงเติบโตสูง โดยยอดขาย Samsung Neo QLED เติบโตขึ้นถึง 3 เท่า และเฉพาะ Neo QLED 8K เติบโตถึง 4 เท่า ไลฟ์สไตล์ทีวียังเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เติบโตได้ดี และยังจะเป็นกลุ่มที่ซัมซุงให้ความสำคัญต่อเนื่องในปีนี้ โดยปีที่ผ่านมายอดขายไลฟ์สไตล์ทีวีโต 2 เท่า นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องเสียงของซัมซุงที่ใช้คู่กับทีวี เช่น Soundbar รวมไปถึง Sound Tower ก็ได้รับการตอบรับจากตลาดมากขึ้นตามไปด้วย ทำให้ยอดขายของ Soundbar เติบโต 1.5 เท่า

 “ปัจจัยการเติบโตหลักของกลุ่มภาพและเสียงของซัมซุง มาจากผลิตภัณฑ์กลุ่มพรีเมียม ไลฟ์สไตล์ทีวี รวมถึงได้แรงหนุนจากเทศกาลฟุตบอลระดับโลก ตลอดจนการจับมือกับพาร์ทเนอร์จัดโปรโมชั่นต่างๆ ที่โดนใจผู้บริโภค อาทิ ร่วมกับมินิคูเปอร์, BMW, Snow Peak และ 333 Gallery” ส่วนในปี 2566 นี้ มองว่า 5 กลุ่มสินค้าที่จะสร้างยอดขายมากสุด คือ 1. New QLED TV ที่ปีนี้เน้นรุ่น New QLED 8K เจาะกลุ่มพรีเมี่ยม 2.ตู้เย็น ในกลุ่ม Bespokeและรับประกันมอเตอร์ 20 ปี 3.เครื่องซักผ้า ที่ชูเรื่องแยกถังซักและปั่นแห้งออกจากกัน พร้อมรับประกันมอเตอร์ 20 ปี และ4. เครื่องปรับอากาศ ชูเรื่องของ Wind Free.








กำลังโหลดความคิดเห็น