กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเผยการส่งออก “เครื่องเทศและสมุนไพรไทย” ไปคู่เจรจา FTA ไตรมาสแรกปี 64 มูลค่า 63.32 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 107.54% อาเซียนนำโด่งตลาดสำคัญ มีสัดส่วนสูงถึง 57.09% ระบุล่าสุดคู่เจรจา 13 ประเทศลดภาษีให้ไทยหมดแล้ว เหลือแค่ 5 ประเทศที่ยังเก็บอยู่ แต่มีข่าวดีใน RCEP จีนลดภาษีนำเข้าพริกไทยเหลือ 0% ให้ไทย
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ติดตามสถานการณ์ส่งออกสินค้าเครื่องเทศและสมุนไพรไทยที่ทำการส่งออกไปยังประเทศที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (FTA) ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 (ม.ค.-มี.ค.) มีมูลค่า 63.32 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 107.54% คิดเป็นสัดส่วน 72.74% ของการส่งออกทั้งหมดของไทย และหากรวมประเทศอื่นๆ ที่ไทยไม่มี FTA ด้วย จะมีมูลค่า 87.05 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 93.35%
สำหรับตลาดส่งออกอันดับ 1 ยังคงเป็นอาเซียน มีมูลค่า 49.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 153.57% คิดเป็นสัดส่วน 57.09% ของการส่งออกทั้งหมด โดยตลาดหลัก ได้แก่ เมียนมา มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสปป.ลาว รองลงมาคือ ญี่ปุ่น เพิ่ม 27% จีน เพิ่ม 41% อินเดีย เพิ่ม 2% ฮ่องกง เพิ่ม 80% นิวซีแลนด์ เพิ่ม 11% และออสเตรเลีย เพิ่ม 27% เป็นต้น โดยมีปากีสถาน สหรัฐฯ และเนเธอร์แลนด์ ที่เป็นประเทศส่งออกที่ไทยไม่มี FTA ด้วย
ส่วนสินค้าส่งออกสำคัญ เช่น หมาก 43 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 186% เครื่องเทศกลุ่มขิงและขมิ้น 12 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 35% สารสกัดจากสมุนไพร 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 11% เครื่องเทศกลุ่มพริกแห้งพริกป่น 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 65% และสมุนไพร 2.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 19% เป็นต้น
นางอรมนกล่าวว่า คู่เจรจา FTA ของไทย 13 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู ฮ่องกง มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ บรูไน ฟิลิปปินส์ เมียนมา กัมพูชา และเวียดนาม ได้ยกเว้นภาษีนำเข้าจากไทยแล้ว (ไม่รวมพืชกลุ่มสารเสพติด) ยังเหลืออีก 5 ประเทศที่เก็บภาษีบางรายการ คือ สปป.ลาว เก็บภาษีพริกแห้ง 5% จีน เก็บภาษีพริกไทย 5% ญี่ปุ่น เก็บภาษีสารสกัดจากสาหร่ายทะเล 30% เกาหลีใต้ เก็บภาษีโสมและสารสกัดจากโสม 178.2- 603.4% และอินเดีย เก็บภาษีพริกไทย 50% พริกป่นพริกแห้ง 70% ขิง ขมิ้น วานิลลา จันทน์เทศ 30% เป็นต้น
นอกจากนี้ ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่ไทยได้ลงนามร่วมกับประเทศสมาชิก 15 ประเทศ เมื่อเดือน พ.ย. 2563 มีข่าวดีเพิ่มเติม ก็คือ ไทยสามารถผลักดันให้จีนลดภาษีนำเข้าพริกไทยไม่บดไม่ป่นจนเหลือ 0% ในปีที่ 20 หลังความตกลง RCEP มีผลใช้บังคับ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญต่อการดูแลรักษาสุขภาพและรับประทานอาหารที่มีสรรพคุณส่งเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายเพิ่มขึ้น และคาดว่าจะเป็นกระแสต่อเนื่องในระยะยาว ถือเป็นโอกาสดีสำหรับสินค้าเครื่องเทศและสมุนไพรไทยในการขยายตลาดส่งออกได้เพิ่มขึ้น จึงขอแนะนำให้เกษตรกรและผู้ประกอบการศึกษาข้อกำหนดต่างๆ รวมถึงให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพและมาตรฐานของสินค้า เนื่องจากการผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรอาจมีมาตรการควบคุมที่เข้มงวด มีเงื่อนไขมาตรการควบคุมที่หลากหลายแตกต่างกันทั้งภายในประเทศและการส่งออกไปต่างประเทศ และที่สำคัญ อย่าลืมใช้ข้อได้เปรียบด้านราคาจากสิทธิพิเศษทางภาษีภายใต้ FTA ในการส่งออกไปยังตลาดที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรีด้วย