กรมการค้าต่างประเทศเผยการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTA และ GSP ช่วง 2 เดือนปี 64 มีมูลค่า 10,504.50 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.77%
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) และภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ในช่วง 2 เดือน ปี 2564 (ม.ค.-ก.พ.) มีมูลค่า 10,504.50 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.77% มีสัดส่วนการใช้สิทธิคิดเป็น 69.76% แบ่งเป็นการใช้สิทธิภายใต้ FTA มูลค่า 9,948.70 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.86% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ 70.14% และการใช้สิทธิภายใต้ GSP มูลค่า 555.80 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 25.30% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ 63.60%
รายละเอียดการใช้สิทธิภายใต้ FTA พบว่าตลาดที่ไทยส่งออกโดยมีมูลค่าการใช้สิทธิสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. อาเซียน มูลค่า 3,607.55 ล้านเหรียญสหรัฐ 2. จีน มูลค่า 2,868.49 ล้านเหรียญสหรัฐ 3. ออสเตรเลีย มูลค่า 1,222.96 ล้านเหรียญสหรัฐ 4. ญี่ปุ่น มูลค่า 1,013.45 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 5. อินเดีย มูลค่า 718.76 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนกรอบความตกลงการค้าเสรีที่มีอัตราการใช้สิทธิสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. อาเซียน-จีน 82.97% 2. อาเซียน-เกาหลี 81.68% 3. ไทย-เปรู 79.39% 4. ไทย-ชิลี 78.02% และ 5. ไทย-ญี่ปุ่น 74.87%
สำหรับสินค้าที่มีการใช้สิทธิขยายตัว และมีมูลค่าการใช้สิทธิสูง เช่น ลำไย เงาะ ลางสาด (อาเซียน-จีน) อาหารปรุงแต่ง (อาเซียน-จีน) น้ำมันปิโตรเลียมและน้ำมันจากแร่บิทูมินัส (อาเซียน) เครื่องดื่มประเภทนมที่ไม่เติมแก๊ส (อาเซียน) เครื่องซักผ้า (อาเซียน-เกาหลี, ไทย-ชิลี) ยางนอกที่ใช้กับรถยนต์นั่ง (อาเซียน-เกาหลี) เครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณทำด้วยเงิน (ไทย-ชิลี, อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) ลวดทองแดง (อาเซียน-อินเดีย) เศษของเหล็กกล้าที่ไม่เป็นสนิม (อาเซียน-อินเดีย) กุ้ง (อาเซียน-ญี่ปุ่น) ปลาแมคเคอเรล (อาเซียน-ญี่ปุ่น) ถุงมือใช้ทางศัลยกรรม (ไทย-เปรู) ด้ายทำด้วยเส้นใยสังเคราะห์ (ไทย-เปรู) เครื่องปรับอากาศติดผนัง (อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) เป็นต้น
ส่วนการใช้สิทธิภายใต้ GSP ตลาดส่งออกที่ไทยมีมูลค่าการใช้สิทธิมากที่สุด คือ สหรัฐฯ มีมูลค่า 493.29 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 35.14% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ 66.79% รองลงมาคือ สวิตเซอร์แลนด์ มูลค่า 37.80 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 23.16% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ 36.94% รัสเซียและเครือรัฐเอกราช มูลค่า 19.79 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 20.18% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ 67.62% และนอร์เวย์ มูลค่า 4.93 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.41% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ 100% ส่วนสินค้าส่งออกที่มีการใช้สิทธิสูง เช่น ถุงมือยาง ส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศ อาหารปรุงแต่ง สับปะรดกระป๋อง ผลไม้ปรุงแต่ง ของผสมของสารที่มีกลิ่นหอมที่ใช้ในการผลิตอาหารหรือเครื่องดื่ม เป็นต้น