อัปเดตระบบขนส่งภูเก็ตปรับแทรมป์เป็นรถโดยสารไฟฟ้าล้อยาง (ART) ชี้ลดค่าลงทุนเหลือ 1.5 หมื่นล้าน สร้างเร็วขึ้น 9 เดือน อัตราค่าโดยสารถูก ส่วนทางด่วนกระทู้-ป่าตองเดินตามแผน “ศักดิ์สยาม” สั่งทำไทม์ไลน์เทียบสร้างทางด่วนก่อนหรือทำพร้อม ART เปิดฟังเสียงประชาชนก่อนตัดสินใจ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดภูเก็ตด้วย Application “Zoom” ว่า ได้ติดตามผลการดำเนินการตามข้อสั่งการจากการประชุมครั้งที่ผ่านมา ใน 3 ประเด็น คือ 1. การทบทวนการคาดการณ์การเดินทางและผู้โดยสารของจังหวัดภูเก็ต และแนวทางการบริหารการจราจรขณะก่อสร้างทั้งระบบ ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้บูรณาการความร่วมมือกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินการทบทวนการคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารและการเดินทาง โดยได้ดำเนินการวิเคราะห์ภาพรวมการเดินทางของจังหวัดภูเก็ต และความสอดคล้องกับโครงการระบบขนส่งมวลชน และโครงการทางพิเศษ สรุปได้ว่ามีทางเลือกที่มีความเหมาะสมทางเศรษฐกิจและสังคม 2 ทางเลือก
โดยทางเลือกที่ 1 คือ ดำเนินการก่อสร้างโครงการระบบขนส่งมวลชน และโครงการทางด่วนสายกะทู้-ป่าตอง ตามแผนงานเดิมที่มีกำหนดการเปิดให้บริการในปี 2569 และปี 2571 ตามลำดับ ซึ่งมีข้อดีคือ โครงการจะสามารถเปิดให้บริการได้ตามแผนงาน แต่ในระหว่างการก่อสร้างจะมีผลกระทบด้านการจราจรมาก
ทางเลือกที่ 2 ดำเนินการก่อสร้างทางด่วนตามแผนงานเดิม (เปิดให้บริการปี 2571) แต่ชะลอแผนการก่อสร้างโครงการระบบขนส่งมวลชน (กำหนดเปิดให้บริการปี 2573) เพื่อรอให้โครงการทางพิเศษบางส่วนเปิดให้บริการก่อน (กำหนดเปิดให้บริการปี 2571) ซึ่งกรณีนี้จะทำให้มีผลกระทบด้านการจราจรระหว่างการก่อสร้างโครงการระบบขนส่งมวลชนน้อย เนื่องจากประชาชนมีโครงการทางพิเศษเป็นทางเลือกในการเดินทาง
2. เรื่องความคืบหน้าการใช้พื้นที่ถนนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับดำเนินโครงการฯ นั้น รฟม.ได้ดำเนินการขอใช้พื้นที่จากเทศบาลนครภูเก็ต และเทศบาลนครภูเก็ตได้มีหนังสือยินดีให้การสนับสนุนพื้นที่บริเวณถนนเทพกระษัตรีและถนนภูเก็ตแล้ว ส่วนการใช้พื้นที่ของกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท ได้มีการบูรณาการความร่วมมือในเบื้องต้นร่วมกันแล้ว และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยจะได้จัดทำรายละเอียดเพื่อให้ทั้งสองหน่วยงานพิจารณาอนุญาตต่อไป
3. แนวทางการกำหนดอัตราค่าโดยสารตามนโยบายและรายละเอียดเทคนิคการก่อสร้างเพื่อลดผลกระทบ ซึ่ง รฟม.ได้พิจารณาทบทวนรูปแบบโครงการเป็นระบบ Automated Rapid Transit (ART) พบว่า จะทำให้กรอบวงเงินลงทุนโครงการลดลงประมาณ 15,289 ล้านบาท และลดระยะเวลาการก่อสร้างจากเดิม 9 เดือน ซึ่งผลจากต้นทุนที่ต่ำลงจะส่งผลให้ รฟม.สามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารที่ถูกลงได้
ในเบื้องต้นมีแนวคิดจะกำหนดอัตราค่าโดยสาร โดยแบ่งเป็นการเดินทางในเขตเมืองภูเก็ต การเดินทางนอกเขตเมือง และการเดินทางระหว่างเขตเมือง สำหรับเทคนิคการก่อสร้างจะเลือกใช้วิธีการก่อสร้างที่ใช้ระยะเวลาน้อยที่สุดเพื่อลดผลกระทบ เช่น การใช้คอนกรีตหล่อสำเร็จ และการใช้ Launching Gantry เป็นต้น
นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ได้มอบหมายให้ รฟม.และ กทพ.จัดทำแผนงานในรายละเอียดแผนปฏิบัติการ (Action Plan) และไทม์ไลน์ ทั้งสองทางเลือกที่นำเสนอภายใน 2 สัปดาห์ และเมื่อสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 คลี่คลายลงแล้ว ให้ทั้งสองหน่วยงานลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั้ง 2 ทางเลือก โดยให้กำหนดผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้ครบทุกกลุ่ม ก่อนสรุปเสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณาตัดสินใจต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม ให้ รฟม.คำนึงถึงประชาชนเป็นลำดับแรก และเนื่องจากเป็นโครงการแรกที่จะใช้เทคโนโลยี ART ให้นำข้อมูลโครงสร้างอัตราค่าโดยสารของโครงการ ART จากต่างประเทศประกอบการพิจารณาด้วย โดยจะต้องเป็นอัตราที่ส่งเสริมให้เกิดการใช้ระบบขนส่งสาธารณะและต้องไม่เป็นภาระต่อประชาชน รวมถึงให้พิจารณาลดต้นทุนและระยะเวลาการก่อสร้างเพิ่มเติม โดยพิจารณานำเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีต้นทุนต่ำมาปรับใช้เพื่อให้สามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารได้ต่ำที่สุด