กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศหารือเอกอัครราชทูตปากีสถานประจำประเทศไทยผ่านทางไกล เห็นพ้องเร่งปิดดีลการเจรจาเอฟทีเอไทย-ปากีสถานโดยเร็ว หวังช่วยภาคเอกชนใช้สิทธิประโยชน์ในการส่งออก เผยล่าสุดสามารถเจรจารายละเอียดได้เกือบหมดแล้ว เหลือแค่การเปิดตลาดที่กำลังปรับปรุงข้อเสนอ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2564 ที่ผ่านมาได้หารือกับ นายอะศิม อิฟติคัร อะห์หมัด เอกอัครราชทูตปากีสถานประจำประเทศไทย ผ่านระบบประชุมทางไกล เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยทั้งสองฝ่ายเห็นว่าควรเร่งการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-ปากีสถาน ที่เริ่มเจรจากันมาตั้งแต่ปี 2558 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ภาคเอกชนของไทยและปากีสถานสามารถใช้ประโยชน์จากการเปิดตลาด ลดและยกเลิกภาษีระหว่างกันได้ โดยเฉพาะหากความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) มีผลใช้บังคับ จะช่วยหนุนให้สินค้าศักยภาพของทั้งสองประเทศมีโอกาสขยายตลาดในภูมิภาคมากขึ้น
“ไทยและปากีสถานเริ่มการเจรจาจัดทำความตกลงเอฟทีเอไทย-ปากีสถานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2558 และที่ผ่านมามีการจัดประชุมเจรจาไปแล้ว 9 ครั้ง สามารถเจรจารายละเอียดในส่วนของข้อบทความตกลงได้เกือบหมดแล้ว คงเหลือการเจรจาเปิดตลาดสินค้า ซึ่งทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการปรับปรุงข้อเสนอ” นางอรมนกล่าว
ทั้งนี้ ปากีสถานเป็นตลาดขนาดใหญ่ มีประชากรกว่า 200 ล้านคน เป็นอันดับ 6 ของโลก โดยประชากรกว่า 30 ล้านคนเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และมีทัศนคติที่ดีต่อสินค้าไทย จึงถือเป็นตลาดศักยภาพของไทย ส่วนการค้าระหว่างไทยกับปากีสถานในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2558-2562) มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ย 12.7% ต่อปี มีมูลค่าการค้า 1,374.48 ล้านเหรียญสหรัฐ และในปี 2563 ปากีสถานเป็นคู่ค้าอันดับ 35 ของไทย และอันดับ 2 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้รองจากอินเดีย
สำหรับในช่วง 11 เดือนปี 2563 (ม.ค.-พ.ย.) การค้าระหว่างไทยกับปากีสถานมีมูลค่า 969.06 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกมูลค่า 854.52 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เส้นใยประดิษฐ์ เม็ดพลาสติก เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ เป็นต้น และไทยนำเข้ามูลค่า 114.54 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์สิ่งทอ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องมือเครื่องใช้ทางการแพทย์ และแร่และผลิตภัณฑ์จากแร่ เป็นต้น