บางจากฯ อัดงบปี 64 แตะ 1,500 ล้านบาท ลุยเปิดสถานีบริการน้ำมันใหม่เพิ่ม 100 แห่ง และธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน ตั้งเป้ายอดขายน้ำมันโต 5-6% หวังรักษามาร์เกตแชร์เบอร์ 2 พร้อมหนุนรัฐดันแก๊สโซฮอล์ อี 20 น้ำมันพื้นฐานกลางปีหน้า
นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า บางจากฯ ตั้งงบลงทุนกลุ่มธุรกิจการตลาดในปี 2564 อยู่ที่ 1,500 ล้านบาท เพื่อขยายสถานีบริการน้ำมันใหม่ จำนวน 100 แห่ง จากสิ้นปี 2563 มีจำนวนสถานีบริการน้ำมันอยู่ที่ 1,240 แห่ง รวมถึงขยายการเติบโตในธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (นอนออยล์)
ในส่วนของร้านสะดวกซื้อจะมีความร่วมมือกับพันธมิตรรายใหม่ๆ เพิ่มเติมหลังจากได้จับมือกับเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล เพื่อขยายร้านสะดวกซื้อ ท็อปส์ เดลี่ และแฟมิลี่มาร์ท ในสถานีน้ำมันบางจากที่จะเปิดใหม่ในปี 2564 จากที่ผ่านมาเปิดร้านท็อปส์ เดลี่ และแฟมิลี่มาร์ท ไปแล้ว 33 แห่ง แทนร้าน SPAR ที่ปิดไป
นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายธุรกิจผ่านนวัตกรรมพลังงานสีเขียว เช่น การบริหารจัดการจักรยานยนต์ไฟฟ้าและสามล้อไฟฟ้า และการแลกเปลี่ยนแบตเตอรี่ (Battery Swapping) โดยวางเป้าหมายขยายให้ครบ 1 หมื่นคันในปี 2566 รวมทั้งขยายจุดชาร์จพลังงานไฟฟ้า EV Charger ในสถานีบริการน้ำมันบางจากไม่น้อยกว่า 150 สาขาทั่วประเทศในปี 2564 โดยมีการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นผู้ลงทุน เริ่มเปิดให้บริการจุดชาร์จอีวีเฟสแรกจำนวน 56 แห่งก่อน ส่วนเฟสที่สองคงจะต้องหารือกันอีกครั้งในช่วงต้นปี 2564 เพื่อประเมินการตอบรับของตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภค
นายสมชัยกล่าวว่า ยอดขายน้ำมันผ่านสถานีบริการในปี 2563 ลดลงประมาณ 1-2% จากปีก่อน ขณะที่ตลาดรวมลดลง 3-4% เนื่องจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. 63 พบว่ายอดขายน้ำมันของบางจากฯ กลับมาฟื้นตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ฉะนั้น การแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ หากสามารถควบคุมสถานการณ์ได้เร็วก็เชื่อว่ายอดขายน้ำมันในปี 2564 ไม่น่าจะต่ำกว่าปี 2563 ซึ่งบางจากฯ ก็คงจะต้องติดตามและประเมินสถานการณ์ความต้องการใช้น้ำมันในช่วงต้นปีอีกครั้ง
ทั้งนี้ บางจากมีนโยบายให้สถานีน้ำมันบางจากเป็นจุดหมายปลายทางของผู้ใช้รถ มีความแตกต่าง โดดเด่นกว่าที่เคยเพื่อดึงดูดผู้ใช้รถให้แวะมาใช้บริการ คาดว่ายอดขายน้ำมันในปี 2564 จะโตขึ้นกว่าปีก่อน 5-6% ทำให้บริษัทรักษาส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 2 ที่ 15.6-15.7%
นอกจากนี้ บางจากฯ พร้อมสนับสนุนนโยบายภาครัฐที่เตรียมประกาศให้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20 เป็นน้ำมันเกรดพื้นฐานกลุ่มเบนซิน ซึ่งในช่วงเดือน มิ.ย. 63 บางจากฯ ได้เปิดตัวน้ำมันสูตรใหม่ E20 S EVO เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เติมสารช่วยให้การเผาไหม้เชื้อเพลิงสมบูรณ์ขึ้น อัตราเร่งดีขึ้นกว่า E20 ปกติถึง 56% และเป็นน้ำมันที่ได้มาตรฐานยุโรป 5 (Euro5) รายเดียวในประเทศไทย และช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) โดยหลังเปิดตัวพบว่ายอดขายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ของบางจากฯ เพิ่มขึ้นประมาณ 17% ผู้บริโภคมีความชื่นชอบผลิตภัณฑ์ใหม่ ฉะนั้น ในปี 2564 หากรัฐประกาศส่งเสริมแก๊สโซฮอล์ E20 เป็นน้ำมันเกรดพื้นฐานจริงก็จะสอดรับกับแผนพัฒนาแก๊สโซฮอล์ E20 ของบางจากฯ ที่เป็นการเตรียมพร้อมรองรับนโยบายรัฐ และเพิ่มทางเลือกที่ดีให้แก่ผู้บริโภค
“การที่รัฐส่งสัญญาณเตรียมประกาศให้ E20 เป็นน้ำมันเกรดพื้นฐานกลางปี 64 ก็จะทำให้โรงกลั่นและผู้ค้ามีเวลาปรับตัวล่วงหน้าประมาณ 6 เดือนก็ถือเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งโรงกลั่นและผู้ค้าฯ ก็พร้อมสนับสนุน”
