“คณิศ” เร่งเครื่องโครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (EFC) เตรียมหารือ ปตท.หนุนเกิดห้องเย็นเพื่อแช่ผลไม้ในการเพิ่มมูลค่า คาดสรุปผลเร็วๆ นี้ ก่อนชงบอร์ดอีอีซี ธ.ค.เพื่อขับเคลื่อนแผนพัฒนาภาคการเกษตรยกระดับรายได้เกษตรกรในพื้นที่
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (เลขาฯ อีอีซี)เปิดเผยว่า เพื่อเร่งขับเคลื่อนแผนพัฒนาภาคการเกษตรในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เพื่อยกระดับรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่ ขณะนี้อยู่ระหว่างสรุปโครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (EFC) ที่มอบให้ บมจ.ปตท.สนับสนุนการลงทุนห้องเย็นในการแช่ผลไม้ โดยการลงทุนระบบท่อและให้บริการฟรีแก่ชุมชน คาดว่าจะสรุปภายใน 1-2 วันนี้ก่อนนำเสนอในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เดือน ธ.ค.นี้
“เบื้องต้นห้องเย็นทาง ปตท.คงจะร่วมกับพันธมิตร จะมีขนาด 4,000 ตันผลไม้ ซึ่งจะลงทุนท่อป้อนและให้บริการฟรี รายละเอียดกำลังเร่งสรุปทั้งในนิคมฯ มาบตาพุดและอื่นๆ โดยคงจะต้องรอผลหารือให้ชัดเจนก่อน ขณะนี้คงยังไม่ทราบรายละเอียด” นายคณิศกล่าว
สำหรับการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน เป็นประธานนั้น กบอ.ได้รับทราบความก้าวหน้าของแผนพัฒนาภาคการเกษตรในพื้นที่อีอีซีระยะ 5 ปี (ปี 63-67) ที่ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการยกระดับภาคเกษตรของไทยด้วยเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเพื่อเพิ่มรายได้เกษตร เทียบเท่ากลุ่มอุตสาหกรรมและบริการ ซึ่งสามารถพร้อมดำเนินการได้ทันที โดยเน้น 3 ด้าน คือ 1. ใช้ความต้องการตลาดนำ (Demand Pull) 2. ใช้เทคโนโลยีสร้างรายได้ (Technology Push) 3. ให้ความสำคัญ 5 คลัสเตอร์ ได้แก่ ผลไม้ ประมง พืชสำหรับอุตสาหกรรมชีวภาพ พืชสมุนไพร ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (ปศุสัตว์ ผักอินทรีย์)
ขณะเดียวกัน กบอ.ยังได้รับทราบการลงทุนกับ บมจ.ทีโอทีในการบริการโครงสร้างพื้นฐาน 5G ในอีอีซีที่จะเสร็จใน 3 เดือนที่ปัจจุบันทางอีอีซีได้ดำเนินการไปพอสมควร และหากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านไทยก้าวหน้าไปก่อนแล้ว 2 ปีที่จะมีส่วนสำคัญในการดึงการลงทุนในปี 2564 คาดว่าการลงทุนทั้งรัฐและเอกชนจะมากกว่า 400,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเม็ดเงินลงทุนที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ให้เติบโตได้