“สุพัฒนพงษ์” ลั่นรัฐไม่แทรกแซง โยนให้ ธปท.ถกเอกชนและสถาบันการเงินสรุปยืดหนี้

“สุพัฒนพงษ์” ย้ำท่าทีรัฐบาลจะไม่แทรกแซงการทำงานของ ธปท.กรณีสิ้นสุดมาตรการพักชำระหนี้ในเดือน ต.ค.นี้ โยนให้ไปหารือกับเอกชน สถาบันการเงิน แต่นายกฯ ขีดเส้นให้ได้ข้อสรุปในสิ้นปีนี้โดยไม่ต้องนำเข้าสู่ ศบศ.แต่อย่างใด พร้อมแจงตั้งประธานบอร์ด ปตท.ยังไม่ได้คิด

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ข้อเสนอของภาคเอกชนที่ต้องการให้รัฐบาลออกมาตการพักชำระหนี้ให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) เป็นเวลา 2 ปีเมื่อสิ้นสุดมาตรการพักชำระหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในเดือน ต.ค.นี้ เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ ธปท. เอกชน และสถาบันการเงินจะเป็นผู้หารือและตกลงกันโดยรัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงการทำงานของ ธปท. อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้การดำเนินการดังกล่าวควรให้เสร็จภายในปีนี้

"รัฐบาลขอให้ทุกฝ่ายไปจับเข่าคุยกันให้เสร็จภายในปีนี้ โดยให้ 4 ฝ่าย คือ ธปท. สถาบันการเงิน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่เขารู้จักลูกหนี้กันเป็นอย่างดี ซึ่งผลที่ออกมาไม่ต้องเสนอศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หรือ ศบศ.ที่นายกฯ เป็นประธานแต่อย่างใด" นายสุพัฒนพงษ์

ปัจจุบันไทยกำลังเร่งออกมาตรการต่างๆ เพื่อที่จะมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่รัฐบาลดำเนินการใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ เติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการคนละครึ่ง และโครงการช้อปดีมีคืน รวมวงเงินที่จะหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจประมาณ 200,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเม็ดเงินดังกล่าวน่าจะเพียงพอแล้วในช่วงนี้ และจากมาตรการที่ดำเนินการมาต่อเนื่องก็จะทำให้จะมีเรื่องดีๆ ในปี 2564 ต่อไป

ส่วนกรณีกระแสข่าวระบุถึงการที่ตนอยู่ระหว่างการพิจารณาผลักดันให้ นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ไปเป็นประธานคณะกรรมการ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) แทน นายไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย เป็นประธาน และจะครบวาระการดำรงตำแหน่งและอายุครบ 65 ปีนั้น เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้เร่งรีบและตัดสินใจอะไรในขณะนี้ เพราะการสรรหาผู้ที่จะดำรงตำแหน่งประธานบอร์ด ปตท.คนใหม่ ยังมีเวลาและไม่ต้องการให้ยึดติดตัวบุคคล