“ประยุทธ์” เป็น ปธ.ประชุม ศบศ. ลั่นถึงเวลาต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจ เผยปรับตัวดีขึ้น ให้แนวทางภาครัฐ-เอกชนทำงานร่วมกัน ทั้งพักชำระหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ เล็งผุดมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้มีกำลังซื้อสูง
วันนี้ (7 ต.ค.) เวลา 13.30 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดย นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวสรุปภายหลังการประชุมดังนี้
นายกรัฐมนตรีได้ให้แนวทางในการประชุม ว่า ห้วงเวลานี้เป็นห้วงเวลาสำคัญ เพราะเป็นรอยต่อการดูแลมาตรการเพื่อรักษาสุขภาพของคนในชาติที่เป็นไปด้วยดี และถึงเวลาต้องดำเนินการเพื่อฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ดี ยังมีสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ที่ต่างประเทศที่ยังน่าห่วงกังวล รัฐบาลพร้อมให้ความช่วยเหลือดูแลทุกภาคส่วนอย่างเท่าเทียมเพื่อให้เดินต่อไปได้ แต่ด้วยข้อจำกัดในการดูแล จึงขอความร่วมมือของทุกภาคส่วนหากมีกำลังในการสนับสนุนดูแลกันได้ก็จะช่วยให้ภาพรวมของประเทศกลับสู่สภาวะที่ดี
เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้รายงานภาพรวมสถานการณ์โควิด-19 ล่าสุด และสถานการณ์เศรษฐกิจไทยซึ่งชี้ให้เห็นว่ามีตัวเลขที่ปรับตัวดีขึ้น อาทิ ตัวเลขการใช้จ่ายที่สูงขึ้น การส่งออกติดลบลดลง ราคาสินค้าเกษตรดีขึ้น และรายได้เกษตรกรสูงขึ้นใกล้เคียงช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ตลอดจนมีอัตราการท่องเที่ยวในประเทศสูงขึ้น ถึงแม้ว่าจะกระจุกตัวบริเวณจังหวัดที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ และมีดัชนีการเคลื่อนย้ายที่สูงขึ้นทุกตัว ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ทำความเข้าใจกับเอกชนเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือเยียวยาที่รัฐบาลได้ดำเนินไปแล้ว ซึ่งส่งผลให้ตัวเลขทางเศรษฐกิจดีขึ้นอย่างไร และขอรับความร่วมมือจากภาคธุรกิจให้ร่วมมือสนับสนุนการดำเนินงานตามแนวทางการดำเนินงานต่อไปของรัฐบาล
ที่ประชุมได้พิจารณาการดำเนินมาตรการของรัฐบาลผ่านโครงการต่างๆ ได้แก่ ข้อเสนอแนะมาตรการเศรษฐกิจรายสาขา โดยคณะอนุกรรมการวิเคราะห์และสนับสนุนข้อมูลเศรษฐกิจรายสาขา โครงการ DR BIZ การเงินร่วมใจ ธุรกิจไทยมั่นคง ของธนาคารแห่งประเทศไทย การจัดงาน Job Expo/แพลตฟอร์มเรามีงานทำ ของกระทรวงแรงงาน มาตรการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวกรณีพิเศษ (Smart Visa) มาตรการคนละครึ่งของกระทรวงการคลัง มาตรการเราเที่ยวด้วยกัน/การเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist Visa (STV)/มาตรการ Elite card ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้แนวทางในที่ประชุมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชน พิจารณาการทำงานร่วมกัน และร่วมหาแนวทางที่เป็นประโยชน์ อาทิ การพักชำระหนี้ และปรับโครงสร้างหนี้ ขอให้ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคารไทย พิจารณาร่วมกัน ซึ่งอาจมีการร่วมมือกัน ช่วยเหลือกัน ก่อนการเสนอให้รัฐบาลพิจารณาให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมเพื่อประโยชน์ในการใช้จ่ายงบประมาณอย่างเป็นประโยชน์ที่สุด รวมทั้งนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมทำงานกันอย่างหนักดังที่ได้เห็นผลในตัวเลขการพัฒนาต่างๆ ที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลอย่างมีนัยยะต่อการฟื้นฟูประเทศ
ทั้งนี้ ในส่วนการเสนอเรื่องเพื่อให้ที่ประชุมพิจารณามาตรการเพิ่มเติม สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้เสนอมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้มีกำลังซื้อสูง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเสนอการปรับปรุงมาตรการเราเที่ยวด้วยกัน และมาตรการกระตุ้นการเดินทางผ่านการทำงาน (Workation Thailand) นายกรัฐมนตรีได้ให้แนวทางในการทำงานให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว และผ่านการจัดการที่เป็นระบบ มีการบูรณาการทำงานของทุกภาคส่วน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่ได้หยุดแนวทางในการทำงานเพียงเท่านี้ แต่พยายามคิดหาวิธี ที่จะส่งเสริม เพื่อสนับสนุนให้การดำเนินตามมาตรการต่างๆ ได้เร็วขึ้น อาทิ การตรวจคัดกรองโรคที่ได้ผลชัดเจนเร็วขึ้น และแม่นยำมากขึ้น