เงินเฟ้อ ก.ย. 63 ติดลบ 0.70% ลดลงต่อเนื่อง 7 เดือนติดต่อกัน เหตุราคาพลังงานเป็นตัวฉุด แม้อาหารสดจะขยับ แต่ไม่มีแรงดันเงินเฟ้อในภาพรวม คาดไตรมาส 4 ติดลบต่อเนื่อง แต่ลบน้อยกว่าไตรมาส 2 และ 3 เหตุมีมาตรการรัฐช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย ราคาอาหารสด เนื้อสัตว์ยังคงเพิ่มขึ้น คาดทั้งปีลบ 1.5% ถึงลบ 0.7% มีค่ากลางลบ 1.1%
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) เดือน ก.ย. 2563 เท่ากับ 102.18 ลดลง 0.11% เมื่อเทียบกับเดือน ส.ค. 2563 ที่ผ่านมา และลดลง 0.70% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย. 2562 เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันของปีนี้ นับตั้งแต่มี.ค. 2563 เป็นต้นมา ส่วนเงินเฟ้อ 9 เดือนของปี 2563 (ม.ค.-ก.ย.) ลดลง 0.99% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานที่หักสินค้าอาหารสดและพลังงานออก ดัชนีอยู่ที่ 102.96 เพิ่มขึ้น 0.04% เมื่อเทียบเดือน ส.ค. 2563 และเพิ่มขึ้น 0.25% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย. 2562 เฉลี่ย 9 เดือน เพิ่มขึ้น 0.32%
สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อลดลง 0.70% มาจากราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานที่ลดลงมาก โดยเฉพาะราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ แม้ราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสดจะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถดึงให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะราคาเนื้อหมู และผักสด ที่สูงขึ้นตามความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ส่วนสินค้าอื่นๆ เคลื่อนไหวปกติ
ทั้งนี้ เงินเฟ้อที่ลดลงยังอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ สอดคล้องกับเศรษฐกิจ และเครื่องชี้วัดด้านอุปสงค์-อุปทาน ซึ่งมีทิศทางดีขึ้น ทั้งดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม และการใช้กำลังการผลิตที่ดีขึ้น รวมถึงรายได้เกษตรกรที่เพิ่มขึ้นตามราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้น และการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้นตามการใช้จ่ายในประเทศ เป็นต้น
สำหรับรายละเอียดเงินเฟ้อที่ลดลง 0.70% มาจากสินค้าหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 1.94% จาการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 15.77% หมวดเคหสถานลด 0.19% หมวดบันเทิง การอ่าน การศึกษาลด 0.21% ขณะที่สินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ เพิ่ม 1.42% จากการเพิ่มขึ้นของเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ 3.38% ผักสด เพิ่ม 11.21% เครื่องประกอบอาหาร เพิ่ม 2.25% เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เพิ่ม 1.71% อาหารบริโภคในบ้าน เพิ่ม 0.51% อาหารบริโภคนอกบ้าน เพิ่ม 0.67%
น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อไตรมาส 4 ปีนี้ คาดว่าจะยังคงติดลบ ประเมินไว้ที่ติดลบ 0.34% เพราะราคาพลังงานยังลดลง จากความต้องการใช้ทั่วโลกที่ลดลง เพราะหลายประเทศกลับมาล็อกดาวน์อีกครั้ง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบที่ 2 แต่คาดว่าอัตราติดลบจะน้อยกว่าไตรมาส 2 และ 3 เพราะความต้องการบริโภคในประเทศที่มีแนวโน้มสูงขึ้น จากมาตรการส่งเสริมการส่งออก มาตรการจ้างงาน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในรูปแบบต่างๆ ที่จะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยและเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชน รวมถึงราคาอาหารสดบางชนิด เช่น เนื้อสัตว์ และผักสด ยังมีแนวโน้มสูงขึ้น ตามปริมาณผลผลิตและความต้องการของตลาด โดย สนค.ยังคงคาดการณ์เงินเฟ้อปี 2563 ไว้ที่ลบ 1.5% ถึงลบ 0.7% มีค่ากลางอยู่ที่ลบ 1.1%