กระทรวงพลังงานวางไทม์ไลน์ใช้งบปี 64 กองทุนอนุรักษ์ฯ หมื่นล้านบาทตอบโจทย์สร้างงาน สร้างรายได้ เล็งจ้างนักศึกษาจบใหม่ หนุนวิจัยและพัฒนาพลังงาน คาดสรุปเกณฑ์เสร็จ ก.ย.นี้ชง “กพช.” เคาะ ต.ค.หวังเดินหน้าโครงการได้ ม.ค. 64 พร้อมปั้นตราสัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงานหาช่องทางขายในปั๊ม ปตท.
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการกำหนดแนวทางและหลักเกณฑ์การพิจารณาเพื่อขอสนับสนุนเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานปีงบประมาณ 2564 วงเงินประมาณ 10,000 ล้านบาทที่จะตอบโจทย์การสร้างงาน สร้างรายได้ให้ชุมชน รวมถึงการวิจัยและพัฒนาด้านพลังงานที่คาดว่าจะแล้วเสร็จกันยายนนี้ และนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ภายในตุลาคมนี้เพื่อให้สามารถเริ่มโครงการได้ภายในมกราคม 2564
"งบปี 64 จะวางเกณฑ์ที่พิเศษส่วนหนึ่งจะตอบโจทย์นโยบาย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ที่จะมุ่งสร้างงาน สร้างรายได้ให้ชุมชนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการจ้างงานนักศึกษาจบใหม่หรือกำลังจะจบแต่ขาดเงินทุนที่เน้นการทำการสำรวจเพื่อจัดทำศูนย์สารสนเทศพลังงานแห่งชาติ ส่วนจะเป็นจำนวนกี่คน คุณสมบัติจะเป็นอย่างไร รวมถึงสัดส่วนเงินที่จะสนับสนุนจะเป็นเท่าใดคงต้องรอเสนอ รมว.พลังงานก่อน จากก่อนหน้านี้ บมจ.ปตท.เองก็จะจ้างงาน 2.5 หมื่นคน" นายกุลิศกล่าว
อย่างไรก็ตาม เกณฑ์ในการสร้างรายได้จะส่งเสริมการพัฒนาสินค้าชุมชนในรูปแบบสถานีพลังงานชุมชนดังกล่าวจะได้มีการประสานงานใกล้ชิดกับกระทรวงมหาดไทยด้วยการจัดทำวิดีโอคอนฟอเรนซ์เพื่อชี้แจงผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานคณะทำงานระดับจังหวัดพิจารณาให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตามเกณฑ์ที่กำหนดเพื่อสร้างความเข้าใจให้ชัดเจน เนื่องจากปีงบประมาณ 2563 มีข้อจำกัดระยะเวลาทำให้ประสบการณ์การทำงานยังน้อยแต่เชื่อว่าในปีงบประมาณ 2564 จะดีขึ้น
นอกจากนี้ หลักเกณฑ์กองทุนฯ ยังมุ่งเน้นการวิจัยพัฒนาตามหัวข้อด้านพลังงานที่กำหนดไว้ เช่น การประหยัดพลังงาน การอนุรักษ์พลังงาน เป็นต้น โดยในวันที่ 14 ก.ย. 2563 กระทรวงพลังงานจะลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการกำหนดกรอบทิศทางและการบริหารจัดการงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อให้เกิดการวิจัยพัฒนาด้านพลังงานตามหัวข้อที่กระทรวงพลังงานและกระทรวงการอุดมศึกษาฯ กำหนดร่วมกันต่อไป
นายกุลิศยังกล่าวถึงการเปิดตลาดนัดพลังงานร่วมใจ เป็นกิจกรรมที่อยู่ภายใต้โครงการสร้างมาตรฐานการตรวจวัดและรับรองคุณภาพการแปรรูปผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อลดการใช้พลังงาน ซึ่งช่วยสร้างศักยภาพการแข่งขันและยกระดับมาตรฐานการครองชีพและความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นตามเป้าหมายการพัฒนายุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561-2580 ในด้านเศรษฐกิจฐานราก ด้วยการใช้เครื่องมือพลังงาน เช่น ตู้อบแสงอาทิตย์ โซลาร์สูบน้ำ ฯลฯ สร้างรายได้ และสร้างมูลค่าเกษตรแปรรูป โดยกระทรวงพลังงานได้ยกระดับให้เกิดมาตรฐานภายใต้ตราสัญลักษณ์ “ผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน” โดยปัจจุบันมีผู้ผ่านเกณฑ์จำนวน 141 แห่ง จาก 206 แห่ง และขณะนี้กำลังหารือบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เพื่อนำสินค้าดังกล่าวไปร่วมโครงการไทยเด็ด เพื่อว่างจำหน่ายสินค้าและเพิ่มมูลค่าเพิ่มพื้นที่ปั๊ม ปตท.ต่อไป
"การใช้เงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ก็จะไปในแนวทางส่งเสริมสถานีพลังงานชุมชน ใช้เครื่องมือพลังงานทดแทนปี 2564 ก็จะหนุนตรงนี้ให้เกิดประโยชน์ต่อเนื่องด้วย" นายกุลิศกล่าว