พพ.ลงนามร่วมสมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร สมาคมเครื่องกำเนิดไฟฟ้าไทย และสมาคมไฟฟ้าแสงสว่างแห่งประเทศไทย ยกระดับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เล็งจ้างงาน 1,000 คนอบรมเพื่อนำไปสู่การจัดทำมาตรฐานการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ไฟฟ้าถนน
นายโกมล บัวเกตุ รองอธิบดี กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยหลังการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการสนับสนุนและพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานและพลังงานทดแทน ร่วมกับสมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร สมาคมเครื่องกำเนิดไฟฟ้าไทย และสมาคมไฟฟ้าแสงสว่างแห่งประเทศไทย ว่า การลงนามดังกล่าวเพื่อร่วมมือการผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมและอาคารธุรกิจมีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างมาตรฐานวิชาชีพด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน และตอบโจทย์นโยบาย พลังงานร่วมใจ รวมไทยสร้างชาติเพื่อเพิ่มการจ้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจ
“การลงนามครั้งนี้จะมีการจ้างงานประมาณ 1,000 คน จ้างนักศึกษาและคนตกงานมาอบรมความรู้เพื่อที่จะนำไปสู่การกำหนดมาตรฐานการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า และการบำรุงรักษาโดยเฉพาะการติตตั้งแผงโซลาร์บนหลังคา หรือ โซลาร์รูฟท็อป ไฟถนน เป็นต้น ขณะเดียวกัน พพ.ยังได้เตรียมของบประมาณจากกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานปี 2564 การขอสนับสนุนเงินภายใต้แผนฟื้นฟูเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 4 แสนล้านบาท เพื่อที่จะนำมาส่งเสริมการจ้างงานด้านอื่นๆ เช่น การจ้างงานนักศึกษาจบใหม่หรือผู้ตกงานเพื่อสำรวจบัญชีครัวเรือนภาคประชาชนมาจัดทำข้อมูลด้านภาพรวมของพลังงานรวมกันทั้งหมดของ พพ.น่าจะเป็นระดับ 10,000 คน” นายโกมลกล่าว
ปัจจุบันการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป โซลาร์แสงสว่าง ยังไม่มีมาตรฐานติดตั้งรองรับเพื่อดูแลความปลอดภัยการลงนามก็จะร่วมมือกัน ร่วมกันจัดทำมาตรฐานเบื้องต้นและนำไปสู่การให้ความรู้กับประชาชนในการปฏิบัติให้ได้มาตรฐานต่อไป ขณะเดียวกัน การดูแลเครื่องกำเนิดไฟฟ้าตามกฎหมายกำหนด ที่ให้อาคารสูงโรงพยายบาล โรงแรม ต้องมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าโดยต้องมีการจดแจ้งต่อ พพ.ในกรณีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเกิน 200 KVA ซึ่งในขณะนี้มีการจดแจ้ง พพ.เพียงกว่า 3,000 เครื่อง จากที่สมาคมเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแจ้งว่าตามอาคารต่างมีการติดตั้งกว่า 10,000 เครื่อง ซึ่งการร่วมดูแลก็จะทำให้เป็นไปตามมาตรฐานการดูแลด้านพลังงาน ความร่วมมือครั้งนี้ก็จะทำให้ 3 สมาคมฯ ต่อไปก็จะสามารถเข้ามาร่วมตรวจสอบให้กับ พพ.