สมาคมผู้ประกอบการและช่างพลังงานแสงอาทิตย์ หนุนกระทรวงพลังงาน ปรับเกณฑ์โซลาร์ภาคประชาชนให้เข้าถึงได้ง่าย ลดขั้นตอน ชูรับซื้อค่าไฟขยับขึ้นขั้นต่ำ 2 บาทต่อหน่วย เพื่อตอบโจทย์การสร้างงาน ลดรายจ่ายและสร้างรายได้เพิ่มให้กับประชาชน
นายพลกฤต กล่ำเครือ นายกสมาคมผู้ประกอบการและช่างพลังงานแสงอาทิตย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ล่าสุด นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ที่ยังคงเดินหน้าโครงการโซลาร์ภาคประชาชน และมีแนวคิดที่จะทบทวนอัตราการรับซื้อไฟฟ้าส่วนเกินที่ปัจจุบันอยู่ที่ 1.68 บาทต่อหน่วย โดยสมาคมฯ เห็นด้วยอย่างยิ่งและหากเป็นไปได้อัตรารับซื้อไฟฟ้าขั้นต่ำ ควรจะอยู่ในระดับ 2 บาทต่อหน่วยขึ้นไป เพื่อจูงใจซึ่งสามารถตอบโจทย์นโยบายรัฐในการกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน เพิ่มรายได้และลดรายจ่ายประชาชน
"จากสถานการณ์โควิด -19 ที่ผ่านมาทำให้มีแรงงานตกงานจำนวนมาก และธุรกิจบางส่วนเริ่มปรับตัวให้มีการทำงานที่บ้าน (WFH)รับ New Normalมากขึ้น ทำให้สามารถนำการส่งเสริมนี้มาปรับเพื่อดึงเด็กอาชีวะให้มารับติดตั้ง และช่วยให้ประชาชนประหยัดค่าไฟ และมีรายได้จากการขายไฟอีกด้วย ซึ่งคิดว่า กระทบค่าไฟรวมน้อยมาก ซึ่งเวลานี้โซลาร์รูฟท็อป ชาวบ้านมีการติดตั้งเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่เป็นการติดตั้งใช้เองไม่ได้เข้าโครงการ เพราะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากซึ่งหากมีการปรับเกณฑ์ให้ง่าย และมีอัตรารับซื้อจูงใจอีกเล็กน้อยก็เชื่อว่าจะมีส่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ และยังให้การติดตั้งนั้นเป็นไปตามกฎหมาย" นายพลกฤต กล่าว
ทั้งนี้ประชาชนยังคงติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เพื่อผลิตเองใช้เองมากขึ้นต่อเนื่องโดยช่วง 2 ปีนี้โตขึ้นเฉลี่ย 40% ขณะที่ในส่วนของภาคธุรกิจ ห้างร้านต่างๆ ที่เคยเติบโตมาก เริ่มชะลอตัวเพราะผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ถดถอย ประชาชนที่ยังคงติดตั้งเพิ่มเนื่องจากต้องการประหยัดค่าไฟฟ้า ลดภาระรายจ่ายหลังจากต้นทุนการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ลดลงแล้ว 60% โดยการติดตั้งไม่เกิน 5 กิโลวัตต์ พบว่าใช้เงินเพียง 2-2.5 แสนบาท และจุดคุ้มทุน อยู่ที่3-5 ปี แต่แผงมีอายุถึง 25 ปี โดยเฉลี่ยและหากดูแนวโน้มต้นทุนยังมีทิศทางที่ลดต่ำลง เพราะมีการแข่งขันคิดค้นนวัตกรรมจากหลายประเทศทั่วโลก
"โซลาร์ขณะนี้ถือเป็นการเข้าสู่ยุคที่ 2 ที่มีการแข่งขันของผู้ประกอบการอย่างมาก ขณะที่ยุคแรกเป็นการทดลอง ซึ่งหากภาครัฐส่งเสริมและมีระเบียบขั้นตอนที่ง่ายขึ้น ก็เชื่อว่าการติดตั้งจะเพิ่มเพราะไทยที่มีความเข้มแสงที่เหมาะกับการผลิตไฟฟ้าใช้เองอยู่แล้ว และสามารถเป็นศูนย์กลางการส่งเสริมที่จริงจังในเรื่องการวิจัยด้านพลังงานแสงอาทิตย์ของโลกได้เป็นอย่างดี โดยสมาคมผู้ประกอบการและช่าง จะจัดให้มีงานสัมมนาในหัวข้อ “พลังงานแสงอาทิตย์ ชีวิตวิถีใหม่”ในวันที่ 31 ส.ค. 63 เพื่อชี้ให้ประชาชนเห็นถึงภาพรวมและแนวโน้มในอนาคต"นายพลกฤต กล่าว
นายพลกฤต กล่ำเครือ นายกสมาคมผู้ประกอบการและช่างพลังงานแสงอาทิตย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ล่าสุด นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ที่ยังคงเดินหน้าโครงการโซลาร์ภาคประชาชน และมีแนวคิดที่จะทบทวนอัตราการรับซื้อไฟฟ้าส่วนเกินที่ปัจจุบันอยู่ที่ 1.68 บาทต่อหน่วย โดยสมาคมฯ เห็นด้วยอย่างยิ่งและหากเป็นไปได้อัตรารับซื้อไฟฟ้าขั้นต่ำ ควรจะอยู่ในระดับ 2 บาทต่อหน่วยขึ้นไป เพื่อจูงใจซึ่งสามารถตอบโจทย์นโยบายรัฐในการกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน เพิ่มรายได้และลดรายจ่ายประชาชน
"จากสถานการณ์โควิด -19 ที่ผ่านมาทำให้มีแรงงานตกงานจำนวนมาก และธุรกิจบางส่วนเริ่มปรับตัวให้มีการทำงานที่บ้าน (WFH)รับ New Normalมากขึ้น ทำให้สามารถนำการส่งเสริมนี้มาปรับเพื่อดึงเด็กอาชีวะให้มารับติดตั้ง และช่วยให้ประชาชนประหยัดค่าไฟ และมีรายได้จากการขายไฟอีกด้วย ซึ่งคิดว่า กระทบค่าไฟรวมน้อยมาก ซึ่งเวลานี้โซลาร์รูฟท็อป ชาวบ้านมีการติดตั้งเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่เป็นการติดตั้งใช้เองไม่ได้เข้าโครงการ เพราะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากซึ่งหากมีการปรับเกณฑ์ให้ง่าย และมีอัตรารับซื้อจูงใจอีกเล็กน้อยก็เชื่อว่าจะมีส่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ และยังให้การติดตั้งนั้นเป็นไปตามกฎหมาย" นายพลกฤต กล่าว
ทั้งนี้ประชาชนยังคงติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เพื่อผลิตเองใช้เองมากขึ้นต่อเนื่องโดยช่วง 2 ปีนี้โตขึ้นเฉลี่ย 40% ขณะที่ในส่วนของภาคธุรกิจ ห้างร้านต่างๆ ที่เคยเติบโตมาก เริ่มชะลอตัวเพราะผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ถดถอย ประชาชนที่ยังคงติดตั้งเพิ่มเนื่องจากต้องการประหยัดค่าไฟฟ้า ลดภาระรายจ่ายหลังจากต้นทุนการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ลดลงแล้ว 60% โดยการติดตั้งไม่เกิน 5 กิโลวัตต์ พบว่าใช้เงินเพียง 2-2.5 แสนบาท และจุดคุ้มทุน อยู่ที่3-5 ปี แต่แผงมีอายุถึง 25 ปี โดยเฉลี่ยและหากดูแนวโน้มต้นทุนยังมีทิศทางที่ลดต่ำลง เพราะมีการแข่งขันคิดค้นนวัตกรรมจากหลายประเทศทั่วโลก
"โซลาร์ขณะนี้ถือเป็นการเข้าสู่ยุคที่ 2 ที่มีการแข่งขันของผู้ประกอบการอย่างมาก ขณะที่ยุคแรกเป็นการทดลอง ซึ่งหากภาครัฐส่งเสริมและมีระเบียบขั้นตอนที่ง่ายขึ้น ก็เชื่อว่าการติดตั้งจะเพิ่มเพราะไทยที่มีความเข้มแสงที่เหมาะกับการผลิตไฟฟ้าใช้เองอยู่แล้ว และสามารถเป็นศูนย์กลางการส่งเสริมที่จริงจังในเรื่องการวิจัยด้านพลังงานแสงอาทิตย์ของโลกได้เป็นอย่างดี โดยสมาคมผู้ประกอบการและช่าง จะจัดให้มีงานสัมมนาในหัวข้อ “พลังงานแสงอาทิตย์ ชีวิตวิถีใหม่”ในวันที่ 31 ส.ค. 63 เพื่อชี้ให้ประชาชนเห็นถึงภาพรวมและแนวโน้มในอนาคต"นายพลกฤต กล่าว
