“จุรินทร์” เคาะยุทธศาสตร์ข้าวไทยปี 63-67 ชูเป็นผู้นำการผลิต การตลาดข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลก แบ่งกลุ่มข้าว 7 ชนิดตามที่ตลาดต้องการ ก่อนทำแผนลุย 4 ด้าน ทำตลาดต่างประเทศ ตลาดในประเทศ ลดต้นทุนการผลิต และพัฒนานวัตกรรม เตรียมสรุปชง นบข.พิจารณา และนำเข้า ครม.เห็นชอบ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ข้าวไทย ว่า ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบการกำหนดวิสัยทัศน์ให้ไทยเป็นผู้นำการผลิต การตลาดข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลก โดยใช้ยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” ซึ่งได้จัดกลุ่มข้าวไทยออกเป็น 7 ชนิดตามความต้องการของตลาด คือ ตลาดพรีเมียม ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมมะลิไทย ตลาดทั่วไป ข้าวขาวพื้นนุ่ม ข้าวขาวพื้นแข็ง ข้าวนึ่ง และตลาดเฉพาะ ข้าวเหนียว ข้าวสีและข้าวคุณลักษณะพิเศษ
ทั้งนี้ ภายใต้วิสัยทัศน์ดังกล่าว ได้กำหนดยุทธศาสตร์ข้าวไทยปี 2563-67 โดยจะดำเนินการใน 4 ด้าน คือ ด้านการตลาดต่างประเทศ ตลาดการตลาดในประเทศ ด้านการผลิต และด้านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม ซึ่งแต่ละด้านจะมีแผนงานที่ชัดเจน โดยจากนี้จะเร่งสรุปแผนเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เพื่อพิจารณา และนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบในขั้นสุดท้ายต่อไป
สำหรับแผนด้านการตลาดต่างประเทศ จะเน้นการพัฒนาข้าวที่จะสนองตอบต่อความหลากหลายของตลาดข้าว ซึ่งมีความต้องการหลายชนิด โดยเฉพาะข้าวพื้นนุ่มที่ตลาดต้องการในปัจจุบัน แต่ต้องมีคุณภาพสูง และจะเร่งเพิ่มประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์เพื่อลดต้นทุนให้กับการส่งออกข้าวไทยเพื่อให้แข่งได้
ด้านตลาดในประเทศ จะสร้างความสมดุลของความต้องการบริโภคในประเทศและการผลิตให้สอดคล้องกัน โดยใช้การตลาดนำการผลิต ร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการส่งเสริมการปลูกข้าวที่ตลาดต้องการ และจะช่วยบริหารจัดการข้าว ทั้งการเชื่อมโยงการซื้อขายข้าว และการจำหน่าย
ด้านการผลิต จะดำเนินการลดต้นทุนการผลิตให้เหลือไม่เกินไร่ละ 3,000 บาท ภายใน 5 ปี, เร่งเพิ่มพันธุ์ข้าวใหม่ไม่น้อยกว่า 12 พันธุ์ มุ่งเน้นพันธุ์ข้าวที่มีลักษณะ สั้น เตี้ย ดก ดี โดยมีข้าวพื้นนุ่ม 4 พันธุ์ ข้าวพื้นแข็ง 4 พันธุ์ ข้าวหอมไทย 2 พันธุ์ และข้าวโภชนาการสูง 2 พันธุ์ และจะเร่งเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันเฉลี่ย 450 กิโลกรัม (กก.) ต่อไร่ เพิ่มเป็นเฉลี่ย 600 กก.ต่อไร่ ภายใน 5 ปี และบางชนิดน่าจะเพิ่มเป็น 1,000 กก.ต่อไร่ได้
ด้านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม จะมุ่งเน้นการวิจัย คิดค้นนวัตกรรมข้าว เพื่อตอบสนองความต้องการ และจะเร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์ข้าวที่ผลิตได้และนำออกจำหน่ายทำมาจากอะไร อาทิ เครื่องสำอางทำมาจากข้าว ซึ่งคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ และยังจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ โดยจะปรับปรุงกฎระเบียบ ลดขั้นตอน และช่วยเหลือด้านแหล่งเงินทุน รวมทั้งช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ภายใต้ยุทธศาสตร์ข้าวที่ได้จัดทำขึ้นนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ข้าวไทยแข่งขันได้ และเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ และช่วยให้เกษตรกรขายข้าวได้คุ้มกับต้นทุนการผลิต ส่วนการส่งออกจะเป็นที่ 1 หรือไม่ใช่ที่ 1 ไม่สำคัญ เพราะคู่แข่งของไทย ทั้งจีน อินเดีย มีพื้นที่เพาะปลูก มีผลผลิตข้าวมากกว่าไทย ส่วนไทยมีพื้นที่เพาะปลูกจำกัด หากจะอยู่ในลำดับที่ 2 หรือ 3 ก็ไม่เสียหาย ขอให้ข้าวไทยเป็นที่ต้องการ และราคาข้าวในประเทศไม่ตกต่ำดีกว่า