กาฬสินธุ์ - ชาวนาดีใจ ก.พาณิชย์เบรกนำเข้าข้าวจากเพื่อนบ้าน หลังเปิดข้อมูลประชาพิจารณ์กรอบอาฟต้าไม่ผ่าน ชี้เมืองไทยไม่ได้ขาดแคลนข้าวถึงกับต้องนำเข้าข้าวเปลือกข้าวสาร ย้ำหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องต้องเข้มงวดบริเวณชายแดน อย่าเปิดโอกาสให้นายทุนลอบนำเข้าข้าวโดยเด็ดขาด แย้มฤดูกาลผลิตนี้น่าจะขายข้าวได้กำไร
จากการติดตามบรรยากาศการประกอบอาชีพทำนาของชาวนา จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งผ่านพ้นช่วงปักดำและต้นข้าวกำลังเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง และได้รับน้ำจากชลประทานลำปาวอย่างบริบูรณ์ ในขณะที่ข้าวไวแสงหรือข้าวสำหรับเพาะปลูกเป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวนาปรัง ก็เริ่มตั้งท้องและออกรวงเต็มท้องทุ่ง
นายนาคินทร์ ภูจ่าพล ผู้ใหญ่บ้านบ้านศรีสังคม หมู่ 9 ต.ดอนสมบูรณ์ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งประกอบอาชีพทำนาด้วย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ในช่วงเริ่มฤดูทำนาตนและเพื่อนชาวนาต่างรู้สึกท้อใจอย่างมากที่ทราบข่าวว่ามีนายทุนนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งข้าวเปลือกและข้าวสารราคาถูกเข้ามาตีตลาดไทย ส่งผลกระทบถึงราคาข้าวในบ้านเราทั้งข้าวเหนียวและข้าวเจ้าที่กำลังพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 18-19 บาท ฉุดดึงราคาต่ำลงมาอีก ทำให้ชาวนาไทยเสียโอกาสทำนาได้กำไร และต้องประสบปัญหาขาดทุนซ้ำซาก จึงอยากเรียกร้องให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับวงการข้าวเข้ามาแก้ไขปัญหาตรงนี้ด้วย
นายนาคินทร์กล่าวอีกว่า ประเทศไทยเราเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ ผลิตข้าวหล่อเลี้ยงคนทั้งประเทศและส่งออก แต่กลับมีปัญหาการลักลอบนำเข้าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน จึงรู้สึกสงสัยและท้อใจเป็นธรรมดาของคนทำนา และเฝ้าติดตามข่าวสารเกี่ยวกับวงการข้าวตลอดเวลา ล่าสุดจากการติดตามข่าวสารทราบว่ากระทรวงพาณิชย์ได้รับฟังความคิดเห็น (ร่าง) ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องการนำข้าวเข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. 2563 ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน ถึง 22 กรกฎาคม 2563 (ปิดรับฟังความคิดเห็นวันที่ 22 กรกฎาคม 2563)
โดยนายสุเทพ คงมาก กรรมการในคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เปิดเผยว่า ผลประชาพิจารณ์ไม่ผ่าน จำเป็นต้องยุติและยกเลิกไป อีกด้านหนึ่งมีประกาศของกระทรวงพาณิชย์ของเดิมอยู่แล้วปี 2553 ในกรอบอาฟต้า แต่ที่จะยกร่างใหม่เพื่อที่จะบังคับใช้ในปี 2564 ที่กรมการค้าต่างประเทศชี้แจงว่าจะมีความละเอียดและลงลึกมากขึ้น ปริมาณ และกรอบเวลาที่จะนำเข้า คิดว่าการอธิบายการยกร่างไม่ชัดเจน ทำให้กระแสสังคม การเมือง กมธ.การเกษตรได้มีการทักท้วงมา ทำให้เกษตรกร เอกชน คลางแคลงใจ ทำให้ประชาพิจารณ์ไม่ผ่าน คนเห็นด้วย 27% และไม่เห็นด้วย 73%
นายนาคินทร์กล่าวอีกว่า เมื่อข่าวออกมาดังกล่าวก็เหมือนไทยเรายังรักษาเอกราชทางการข้าวไว้ได้ ซึ่งไม่จำเป็นที่จะต้องนำเข้าข้าวจากต่างประเทศเข้ามาตีตลาดข้าวไทยและฉุดให้ราคาข้าวไทยที่กำลังดีวันดีคืนตกต่ำลง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นที่ชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์เปิดผลข้อมูลประชาพิจารณ์กรอบอาฟต้าหรือเขตการค้าเสรี ไม่ผ่านดังกล่าว นับว่าเป็นข่าวดีของชาวนาไทยที่จะมีกำลังใจผลิตและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้มีมาตรฐานต่อไป
สำหรับราคารับซื้อข้าวเปลือกเหนียวปัจจุบันทราบว่าอยู่ที่กิโลกรัมละ 15.50-16 บาท หรือ 15,500-16,000 บาท ส่วนข้าวเจ้ากิโลกรัมละ 13.50-14 บาท หรือ 13,500-14,000 บาท ซึ่งหากตรึงราคาข้าวเหนียวไว้ที่ตันละ 15,000 บาท หรือกิโลกรัมละ 15 บาท และข้าวเจ้าตันละ 18,000 บาทหรือกิโลกรัมละ 18 บาท เชื่อว่าชาวนาจะมีกำไร อยู่ได้
“หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องต้องไม่เปิดช่องว่างให้นายทุนนำเข้าข้าวจากต่างประเทศเข้ามาตีตลาดข้าวของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณตะเข็บแนวชายแดนทุกด้านต้องเข้มงวดกวดขัน อย่าให้พวกนายทุนลอบขนข้าวเข้ามาเด็ดขาด” นายนาคินทร์กล่าว