กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ หนุนนโยบาย “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ชี้ช่องผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จาก “อาร์เซ็ป” หลังสมาชิกจะลงนามความตกลงปลายปีนี้ เผยสินค้าเกษตรกรไทยมีโอกาสส่งออกได้เพิ่มขึ้นในตลาดจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อีกเป็นจำนวนมาก เผยยังได้ประโยชน์ในเรื่องถิ่นกำเนิดสินค้าที่เอื้อต่อการส่งออกมากขึ้นด้วย
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้เตรียมความพร้อมในการแนะนำเกษตรกรและผู้ประกอบการของไทยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ตามนโยบาย “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงพาณิชย์รับไปดำเนินการ ซึ่งในส่วนของกรมฯ จะเป็นการชี้ช่องและโอกาสที่ไทยจะได้รับจากความตกลงฉบับนี้ เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบโอกาสทางการตลาด และเตรียมตัวที่จะใช้ประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่ล่าสุดประเทศสมาชิกอาร์เซ็ปกำลังอยู่ระหว่างการขัดเกลาถ้อยคำทางกฎหมาย เพื่อให้ได้ความตกลงอาร์เซ็ปฉบับสมบูรณ์ และพร้อมให้สมาชิกร่วมลงนามความตกลงในเดือนพ.ย. 2563 ที่เวียดนาม
สำหรับโอกาสของสินค้าเกษตรและอาหารของไทย พบว่า จะส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ไปยังสมาชิกอาร์เซ็ปได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ โดยมีสินค้าเกษตรที่ไทยน่าจะได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นจากการทยอยยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าที่ส่งออกจากไทย เช่น ผักผลไม้แปรรูปและไม่แปรรูป น้ำมันที่ได้จากพืช ของปรุงแต่งจากธัญพืชและแป้ง แป้งมันสำปะหลัง แป้งสาคู สินค้าประมง อาหารแปรรูป น้ำผลไม้ เป็นต้น
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยยังสามารถใช้เกณฑ์ถิ่นกำเนิดสินค้าเดียวกันในการส่งออกไปยังประเทศสมาชิกอาร์เซ็ป จากเดิมที่ใช้เกณฑ์ถิ่นกำเนิดสินค้าที่แตกต่างกันตามความตกลงเอฟทีเอแต่ละฉบับ อีกทั้งเกณฑ์ถิ่นกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลงอาร์เซ็ป ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถเลือกใช้แหล่งวัตถุดิบที่หลากหลายมากขึ้นทั้งจากประเทศในกลุ่มและนอกอาร์เซ็ปได้
“จะเร่งชี้แจงโอกาสในการทำตลาดให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการของไทยเป็นการล่วงหน้า เพื่อให้สามารถเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากผลการเจรจาอาร์เซ็ป เพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของไทย เพราะที่ผ่านมา ไทยสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดี ก็ยิ่งเป็นปัจจัยทำให้สินค้าเกษตรและอาหารของไทยเป็นที่ไว้วางใจของผู้บริโภคมากขึ้น เพราะมีคุณภาพและความปลอดภัย” นางอรมนกล่าว
ทั้งนี้ ในปี 2562 ที่ผ่านมา ไทยส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปไปประเทศสมาชิกอาร์เซ็ป 16 ประเทศ รวมมูลค่า 25,209 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 62.2% ของการส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปไทยไปโลก และในช่วง 5 เดือนชองปี 2563 (ม.ค.-พ.ค.) ไทยส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปไปประเทศสมาชิกอาร์เซ็ปแล้ว 10,870 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.4% หรือคิดเป็นสัดส่วน 63.8% ของการส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปไทยไปโลก
โดยสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปที่เติบโตได้ดี เช่น ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง เพิ่ม 22.07% ไก่สด แช่เย็นแช่แข็ง แปรรูป เพิ่ม 12.12% ผลไม้กระป๋องและแปรรูป เพิ่ม 6.7% น้ำผลไม้ เพิ่ม 10.19% ผักกระป๋องและผักแปรรูป เพิ่ม 8.05% และผลิตภัณฑ์ข้าว เพิ่ม 19.32% เป็นต้น