กลุ่มซีพีวางแผน 16 เดือนตรวจเช็กระบบ “แอร์พอร์ตลิงก์” ลุยปรับปรุงสถานี ติดแอร์ ยกเครื่องบริการ รับโอน ต.ค. 64 สวมสิทธิ์บริหารเดินรถตามสัญญาไฮสปีด 3 สนามบิน
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะทำงานเร่งรัดการส่งมอบพื้นที่และรื้อย้ายสาธารณูปโภค โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน “ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา” ระยะทาง 220 กม. วงเงิน 224,544 ล้านบาท ครั้งที่ 5/2563 (ครั้งที่ 7) วันที่ 21 ก.ค. ว่า ได้ติดตามการดำเนินงานในส่วนรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ซึ่ง บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด (กลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร) รายงานว่า ได้จัดทำแผนก่อนการรับโอน ซึ่งจะมีการปรับปรุงต่างๆ รวม 5 เรื่อง โดยจะใช้เวลาดำเนินการ 16 เดือน แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. 2564 และรับโอนและเริ่มบริหารจัดการเดินรถได้ในเดือน ต.ค. 2564 โดยการให้บริการจะต้องไม่มีรอยต่อ
สำหรับ 5 แผนงานที่กลุ่มซีพีดำเนินการ ได้แก่ 1. ตรวจสอบสถานะทางเทคนิค ตั้งแต่ ก.พ. 2563 โดยที่ผ่านมาผู้เชี่ยวชาญของบริษัทฯ ได้เริ่มตรวจสอบทางเทคนิคของระบบรถไฟฟ้าและจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค. 2563
2. เตรียมความพร้อมในการเดินรถ ซึ่งได้เริ่มตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2563, 3. แผนความพร้อมเดินรถในเดือน ต.ค. 2564, 4. ปรับปรุงเรื่องบริการ ปรับปรุงตกแต่งสถานี ซึ่งจะมีการติดเครื่องปรับอากาศ เพิ่มไฟฟ้าแสงสว่าง ปรับปรุงที่จอดรถ, ปรับปรุงคืนสภาพทรัพย์สิน อาคารสถานีให้ดีเพื่อใช้ประโยชน์ในระยะยาวเสร็จในเดือน ก.ย. 2564 และ 5. เดือนรถในเดือน ต.ค. 64
ทั้งนี้ ซีพีได้ทำดิวดิลิเจนซ์ (due diligence) การปรับปรุงต่างๆ คาดว่าจะใช้เงินพอสมควร แต่หลักๆ จะเป็นการซื้อรถเพิ่ม เบื้องต้นยังไม่เห็นแผนซื้อรถ และจะต้องชำระเงินค่าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ จำนวน 10,671,090,000 บาทให้ครบภายใน 2 ปีนับจากลงนามสัญญาเมื่อ 24 ต.ค. 2562 หรือก่อนซีพีเริ่มเดินรถ อย่างไรก็ตาม การให้บริการของซีพีจะต้องดีกว่าปัจจุบัน โดยให้ทางแอร์พอร์ตลิงก์ส่งข้อมูล ข้อร้องเรียนบริการต่างๆ ให้เพื่อซีพีนำไปปรับปรุงพัฒนาแก้ไข
นอกจากนี้ ทางซีพีฯ รายงานถึงปัญหาอุปสรรคในเรื่องที่ผู้เชี่ยวชาญจากอิตาลีไม่สามารถดินทางมาได้ เนื่องจากติดปัญหาโรคโควิด-19 ทำให้ต้องติดต่อทางอีเมลอยู่ ซึ่งได้แนะนำให้ไปประสานกับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) หากเข้ากรณีที่เป็นบุคคล 11 กลุ่มที่ได้รับการอนุญาตให้ดำเนินการตามกระบวนการที่กำหนดเงื่อนไขการเดินทาวงเข้าประเทศ และต้องเข้าพักในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้เป็นเวลา 14 วัน ทั้งนี้เพื่อให้เดินหน้าโครงการได้ตามแผนงาน
@ส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างครบ ก.พ. 64
ที่ประชุมมีการรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะทำงานฯ ซึ่งได้ดำเนินงานขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 งบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่หน่วยงานจะต้องนำมารื้อย้ายสาธารณูปโภค ซึ่งผ่านการพิจารณาเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) อยู่ระหว่างการของบประมาณ โดยอยู่ระหว่างการเสนอโครงการที่วงเงินเกิน 100 ล้านบาทให้นายกฯ เห็นชอบ
ทั้งนี้ ในเรื่องของที่ดินรถไฟ มีส่วนของเวนคืน อยู่ระหว่างสำรวจรายละเอียดที่ดินสิ่งปลูกสร้าง และพูดคุยกับประชาชน รวมถึงตั้งคณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นและค่าทดแทนแล้ว ตามแผนจะใช้วิธีการเจรจา คาดว่าเดือน พ.ย.นี้จะมีการทำสัญญาซื้อขายท่าดิน และจ่ายค่าทดแทนและรับมอบที่ดินจากเจ้าของที่ดินก.พ. 2564 และส่งมอบที่ดินให้กลุ่มซีพีได้ทันที
โดยที่ดินที่มีผู้บุกรุก แบ่งเป็น 2 ช่วง ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ รวม 267 หลังคาเรือน สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา 302 หลังคาเรือน ทาง ร.ฟ.ท.ได้ดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนที่ดินที่ต้องยกเลิกสัญญาเช่า มีทั้งหมด 213 สัญญา แบ่งเป็นช่วงดอนเมือง-พญาไท จำนวน 100 สัญญา ตามแผนจะแล้วเสร็จในเดือนธ.ค. 2563 ส่วนช่วงลาดกระบัง-อู่ตะเภา จำนวน 113 สัญญา แล้วเสร็จในเดือน ต.ค. 2563
ส่วนการขออนุญาตเข้าพื้นที่ต่อหน่วยงานเจ้าของพื้นที่เพื่อรื้อย้ายสาธารณูปโภคในกรณีเร่งด่วน ซึ่งผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.ได้มอบอำนาจให้คณะทำงานเฉพาะกิจของ ร.ฟ.ท.พิจารณาการอนุญาตและการอนุมัติให้ใช้พื้นที่ที่เกี่ยวข้องสาธารณูปโภคในโครงการฯ นี้เป็นการเฉพาะเพื่อความรวดเร็วในการทำงานแล้ว ในส่วนของกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท ซึ่งมีหลายหน่วยงานต้องเข้าพื้นที่เพื่อรื้อย้ายสาธารณูปโภค ได้เน้นย้ำให้กรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ให้ข้อแนะนำในเรื่องของเอกสารประกอบการขออนุญาตเข้าพื้นที่ และให้อำนวยความสะดวกการเข้าพื้นที่
กรณีขอขยายเขตทางเพิ่มเติมที่ต้องเวนคืนเพิ่ม 6 จุด ได้แก่ บริเวณสถานีลาดกระบัง บริเวณทางออกท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริเวณประตูน้ำของกรมชลประทาน บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง บริเวณอุโมงค์เขาชีจรรย์ และบริเวณทางเข้าสนามบินอู่ตะเภา ขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจความคิดเห็นของผู้ได้รับผลกระทบจำนวน 48 ราย รวมจำนวนที่ดิน 63 แปลง จะสำรวจแล้วเสร็จและสรุปข้อมูลภายใน ส.ค. 2563 คาดว่าจะสามารถส่งมอบพื้นที่ได้ตามแผนภายในเดือน ก.ย. 2564