กฟผ.เตรียมชงบอร์ดฯ อนุมัติแผนลงทุนสร้างคลังรับจ่ายแอลเอ็นจีลอยน้ำ (FSRU) ในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน ขนาด 5 ล้านตันต่อปี มูลค่า 2.45 หมื่นล้านบาท เพื่อป้อนก๊าซฯ ให้โรงไฟฟ้าพระนครใต้
นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.เตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่มี นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน เพื่อพิจารณาอนุมัติแผนการลงทุนโครงการสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซแบบลอยน้ำ (Floating Storage and Regasification Unit หรือ FSRU) ในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน ขนาด 5 ล้านตันต่อปี หากบอร์ด กฟผ.เห็นชอบตามแผนลงทุนดังกล่าวทาง กฟผ.ก็จะออกเอกสารเชิญชวน (TOR) การประมูลเพื่อจัดหาผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการต่อไป ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ กฟผ.ได้มีการศึกษาความเป็นไปได้โครงการ FSRU ในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน ขนาด 5 ล้านตันต่อปี เพื่อนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จัดส่งให้กับโรงไฟฟ้าพระนครใต้ คาดว่าโครงการนี้จะใช้วงเงินลงทุนประมาณ 24,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นการศึกษาตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อปี 2559 โดย กฟผ.มีความพร้อมที่จะเริ่มลงทุนได้ภายในปี 2563 แล้วเสร็จสิ้นปี 2567 ซึ่งจะสนับสนุนการนำเข้า LNG เพื่อมาป้อนให้โรงไฟฟ้าพระนครใต้ส่วนเพิ่ม กำลังผลิตรวม 2,100 เมกะวัตต์ที่จะจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ในปี 2569-70 ตามแผน PDP 2018
แหล่งข่าวกระทรวงพลังงานระบุว่า จากมติ กพช.เมื่อปี 2559 ให้ กฟผ.เป็นผู้ศึกษาฯ และลงทุนโครงการ FSRU ขนาด 5 ล้านตันต่อปีพื้นที่อ่าวไทย แต่ไม่มีมติให้เป็นผู้จัดหาและนำเข้า LNG ในปริมาณ 5 ล้านตันต่อปีได้ ซึ่งการจะจัดหา LNG ดังกล่าวยังต้องรอการอนุมัติในหลักการตามกระบวนการของภาครัฐก่อน ดังนั้น หากคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง) และ กพช.พิจารณาปรับแผนปรับโครงสร้างการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติใหม่ โดยถ้ามีมติเปิดกว้างให้แข่งขันเสรีเต็มรูปแบบ ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (LNG Shipper) ทั้ง 5 ราย คือ ปตท., กฟผ. และเอกชนอีก 3 ราย คือ กัลฟ์ฯ, หินกองฯ และ บี.กริมฯ ก็จะมีสิทธิเข้าร่วมการประมูลแข่งขันจัดหา LNG เพื่อป้อนให้โครงการ FSRU ของ กฟผ.ได้ ก็จะเป็นโอกาสสำหรับ LNG Shipper รายใหม่ๆ ขณะเดียวกันประเทศก็จะได้ประโยชน์จากต้นทุนราคาก๊าซฯ ราคาถูกที่จะสะท้อนผ่านค่าไฟฟ้าให้แก่ประชาชน