“พาณิชย์” เคาะจ่ายส่วนต่างโครงการประกันรายได้ข้าวงวดที่ 29 มีข้าว 2 ชนิดได้เงินชดเชย “ข้าวเปลือกเจ้า-ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี” หลังราคาต่ำกว่าประกัน ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิและข้าวเปลือกเหนียวสิ้นสุดโครงการ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ไม่ได้ เหตุราคาสูงกว่าประกันรายได้ ระบุแนวโน้มราคาลดลงจากการบริโภคลดเพราะไม่มีนักท่องเที่ยว และส่งออกถูกคู่แข่ง เวียดนาม อินเดีย กลับมาชิงตลาด
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2563 ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวได้พิจารณาการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้กับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง โดยมีมติจ่ายเงินส่วนต่างงวดที่ 29 ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่แจ้งเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 17-23 พ.ค. 2563 จำนวน 2 ชนิด คือ ข้าวเปลือกเจ้า และข้าวเปลือกหอมปทุมธานี เพราะราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่าราคาประกันรายได้ โดยข้าวเปลือกเจ้าเป็นการกลับมาจ่าย 2 งวดติดต่อกัน หลังหยุดจ่ายไปเมื่องวดที่ 23-27 ส่วนข้าวเปลือกหอมปทุมธานีเป็นการจ่ายส่วนต่างครั้งแรกในรอบ 6 งวด นับจากงวดที่ 23-28 ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิและข้าวเปลือกเหนียวไม่ต้องจ่าย เนื่องจากสิ้นสุดโครงการประกันรายได้ และข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ไม่ต้องจ่ายเพราะราคาสูงกว่าราคาประกันรายได้
ทั้งนี้ การคำนวณราคาส่วนต่างไม่ได้มีการคำนวณราคาอ้างอิงข้าวเปลือกหอมมะลิ และข้าวเปลือกเหนียว เพราะสิ้นสุดฤดูกาลไปแล้ว ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาอ้างอิงอยู่ที่ตันละ 14,933.00 บาท สูงกว่าราคาประกันรายได้ ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 9,490.12 บาท ต่ำกว่าราคาประกันรายได้ ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 10,580.80 บาท ต่ำกว่าราคาประกันรายได้
โดยงวดที่ 29 เกษตรกรจะได้รับเงินชดเชยข้าวเปลือกเจ้าจากเงินส่วนต่างที่จะต้องจ่าย 509.88 บาท คูณจำนวน 30 ตัน จะได้รับเงินรวม 15,296.4 บาท และข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 419.20 บาท คูณด้วย 25 ตัน จะได้รับเงิน 10,480 บาท
สำหรับเหตุผลที่ต้องกลับมาจ่ายส่วนต่างประกันรายได้ เพราะขณะนี้ราคาข้าวปรับตัวลดลงจากความต้องการข้าวที่ลดลง ทั้งการบริโภคในประเทศที่ลดลงจากการไม่มีนักท่องเที่ยว และการส่งออก ที่ราคาปรับตัวลดลง จากการที่เวียดนามกลับมาส่งออกข้าว และอินเดียมีสัญญาณส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น โดยข้าวไทยมีราคาสูงกว่าคู่แข่ง ทำให้ผู้ซื้อหันไปซื้อจากคู่แข่ง