“พาณิชย์” เผยไม่ต้องจ่ายชดเชยรายได้ข้าวงวดที่ 25 อีก ทำสถิติไม่จ่าย 3 งวดติดต่อกัน หลังราคาข้าวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเกินเพดานประกันรายได้ทุกชนิด จากความต้องการเพิ่มทั้งบริโภคในประเทศและส่งออก ระบุข้าวเปลือกเจ้าราคาเกินตันละ 1 หมื่นบาทต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2563 ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้พิจารณาการชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันรายได้กับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง โดยมีมติไม่จ่ายเงินส่วนต่างงวดที่ 25 ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่แจ้งเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 19-25 เม.ย. 2563 เพราะราคาข้าวเปลือกปรับตัวสูงขึ้นเกินไปกว่าราคาประกันรายได้ทุกชนิด ทำให้รัฐบาลไม่ต้องจ่ายส่วนต่างในงวดนี้ ซึ่งถือเป็นงวดที่ 3 ติดต่อกันที่รัฐบาลไม่ต้องจ่ายชดเชย นับจากงวดที่ 23 ที่ไม่จ่ายเป็นงวดแรก
สำหรับการคำนวณราคาส่วนต่างดังกล่าว ไม่ได้มีการคำนวณราคาอ้างอิงข้าวเปลือกหอมมะลิ เพราะสิ้นสุดฤดูกาลไปแล้ว แต่ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาอ้างอิงอยู่ที่ตันละ 15,183.65 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 10,367.31 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 12,024.99 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 17,356.76 บาท ซึ่งทุกชนิดราคาสูงกว่าราคาที่รัฐบาลประกันรายได้เอาไว้
ทั้งนี้ นับตั้งแต่กระทรวงพาณิชย์ได้คิกออฟโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. 2562 เป็นต้นมา ได้มีการจ่ายชดเชยมาโดยตลอด จนถึงงวดที่ 22 แต่พองวดที่ 23 ไม่มีการจ่ายเป็นครั้งแรก ต่อมางวดที่ 24 ก็ไม่ต้องจ่าย จนมาถึงงวดที่ 25 ก็ไม่จ่ายอีกครั้ง รวมแล้ว 3 งวดติดต่อกัน
โดยปัจจัยที่ทำให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้น มาจากผลผลิตข้าวเปลือกนาปรัง ลดลงจากปัญหาภัยแล้ง และมีความต้องการข้าวเพิ่มขึ้นจากการบริโภคในประเทศ จากการที่ประชาชนต้องกักตัวอยู่บ้าน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และมาจากความต้องการข้าวเพื่อส่งออก เพราะประเทศผู้ส่งออกข้าวรายสำคัญ เช่น เวียดนาม ได้ห้ามส่งออกข้าว อินเดียระงับคำสั่งซื้อใหม่ ทำให้ผู้ซื้อ ผู้นำเข้า หันมาสั่งซื้อข้าวไทยเพิ่มมากขึ้น