“พาณิชย์”เคาะจ่ายส่วนต่างโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวงวดที่ 22 มีข้าว 2 ชนิดที่ได้รับเงิน แต่ได้ชดเชยลดลง หลังราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้น เผยข้าวเปลือกเจ้าราคาใกล้แตะ 1 หมื่นบาทแล้ว ข้าวเปลือกหอมปทุมธานีก็เกือบ 1.1 หมื่นบาท ใกล้เคียงราคาประกันรายได้ ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิจบโครงการ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่และข้าวเปลือกเหนียวไม่ได้รับชดเชย หลังราคาตลาดสูงกว่าราคาประกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า เมื่อวันที่ 3 เม.ย.2563 ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้พิจารณาการชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันรายได้กับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง โดยมีมติให้จ่ายเงินส่วนต่างงวดที่ 22 ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจำนวน 2 ชนิด คือ ข้าวเปลือกเจ้า และข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ สิ้นสุดฤดูกาลเก็บเกี่ยว ไม่ได้มีการคิดชดเชยส่วนต่าง ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่และข้าวเปลือกเหนียว ไม่จ่ายชดเชยส่วนต่าง เพราะราคาตลาดสูงกว่าราคาประกัน
โดยเกษตรกรที่แจ้งเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 29 มี.ค.-4 เม.ย.2563 จะได้รับการชดเชย มีรายละเอียด ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า ราคาตลาดเฉลี่ยตันละ 9,638.16 บาท ได้รับส่วนต่างตันละ 361.84 บาท , ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาตลาดตันละ 10,903.46 ได้รับส่วนต่างตันละ 96.54 บาท , ข้าวเปลือกหอมมะลิ สิ้นสุดฤดูการเก็บเกี่ยว ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาตลาดตันละ 14,463.55 บาท ไม่ได้รับชดเชย และข้าวเปลือกเหนียว ราคาตลาดตันละ 16,833.15 บาท ไม่ได้รับชดเชย
ส่วนผลจากการคำนวณส่วนต่าง งวดที่ 22 เกษตรกรจะได้รับเงินชดเชยสูงสุด คือ ข้าวเปลือกเจ้า จะได้รับเงินรวม 10,855.2 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุม ได้เงินรวม 2,413.5 บาท
ทั้งนี้ การที่เกษตรกรได้รับเงินชดเชยส่วนต่างลดลง เพราะราคาข้าวได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาข้าวเปลือกเจ้า ปรับตัวขึ้นมาสูงเกินตันละ 9 พันบาท และมีแนวโน้มที่ราคาจะทะลุตันละ 1 หมื่นบาทได้ในไม่ช้านี้ หลังจากที่ความต้องการข้าวเพิ่มสูงขึ้น ทั้งการบริโภคในประเทศและส่งออก ขณะที่ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ก็ราคาสูงขึ้นและคาดว่าจะสูงเกินกว่าราคาประกันรายได้ที่ตันละ 1.1 หมื่นบาทเช่นเดียวกัน
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้ประกันรายได้ข้าวเปลือกจำนวน 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละ 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า 10,000 บาท ครัวเรือนละ 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละ 25 ตัน และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละ 16 ตัน แต่ถ้าเกษตรกรปลูกข้าวมากกว่า 1 ชนิด จะได้สิทธิไม่เกินจำนวนขั้นสูงของข้าวแต่ละชนิด และเมื่อรวมกันต้องไม่เกินขั้นสูงของข้าวชนิดที่กำหนดไว้สูงสุด