“พาณิชย์”เคาะจ่ายส่วนต่างโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว งวดที่ 20 รอบนี้เหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 2 ชนิดได้รับเงินชดเชย แต่ได้น้อยลง หลังราคาข้าวขยับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง เผยข้าวเปลือกเจ้าพุ่งแรงราคาทะลุ 9 พันบาทต่อตันแล้ว ส่วนข้าวหอมมะลิ จบโครงการ ข้าวหอมมะลินอกพื้นที่ และข้าวเหนียวไม่ได้รับชดเชย เหตุราคาตลาดสูงกว่าราคาประกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2563 ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้พิจารณาการชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันรายได้กับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง โดยมีมติให้จ่ายเงินส่วนต่างงวดที่ 20 ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจำนวน 2 ชนิด คือ ข้าวเปลือกเจ้า และข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ สิ้นสุดฤดูกาลเก็บเกี่ยว ไม่ได้มีการคิดชดเชยส่วนต่าง ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่และข้าวเปลือกเหนียว ไม่จ่ายชดเชยส่วนต่าง เพราะราคาตลาดสูงกว่าราคาประกัน
โดยการชดเชยส่วนต่าง เกษตรกรที่แจ้งเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 15-21 มี.ค.2563 จะได้รับการชดเชย โดยมีรายละเอียด ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า ราคาตลาดเฉลี่ยตันละ 9,042.53 บาท ได้รับส่วนต่างตันละ 957.47 บาท , ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาตลาดตันละ 10,395.29 ได้รับส่วนต่างตันละ 604.71 บาท , ข้าวเปลือกหอมมะลิ สิ้นสุดฤดูการเก็บเกี่ยว ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาตลาดตันละ 14,065.05 บาท ไม่ได้รับชดเชย และข้าวเปลือกเหนียว ราคาตลาดตันละ 16,650.80 บาท ไม่ได้รับชดเชย
ส่วนผลจากการคำนวณส่วนต่าง งวดที่ 20 เกษตรกรจะได้รับเงินชดเชยสูงสุด คือ ข้าวเปลือกเจ้า จะได้รับเงินรวม 27,724.1 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุม ได้เงินรวม 15,117.75 บาท
ทั้งนี้ การจ่ายเงินส่วนต่างงวดที่ 20 รัฐจ่ายชดเชยลดลง เพราะเหลือเกษตรกรเข้าร่วมโครงการอีกไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ภาคใต้ และราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาข้าวเปลือกเจ้า ปรับตัวขึ้นมาสูงมากเกินตันละ 9 พันบาท ขณะที่ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ก็ราคาสูงขึ้น ตามความต้องการข้าวที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากการบริโภคในประเทศและส่งออก