“สุริยะ” เสนอ “ครม.” พรุ่งนี้ขอสนับสนุนงบกลางวงเงินรวม 10,000 ล้านบาทช่วยเหลือชาวไร่อ้อยทั่วประเทศ แบ่งเป็นปัจจัยการผลิต 6,500 ล้านบาท และอีก 3,500 ล้านบาทช่วยผู้ที่ส่งอ้อยสดเข้าหีบโรงงานน้ำตาล ด้านชาวไร่เฮ! รอมานานหวังเสริมสภาพคล่อง โอดโควิด-19 ฉุดราคาน้ำตาลโลกดิ่ง หวั่นราคาอ้อยฤดูใหม่ต่ำอีก หวังโควิด-19 จบเร็ว
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 21 เม.ย. คาดว่าจะพิจารณางบกลางช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยสำหรับฤดูการผลิตปี 2562/ 63 รวมประมาณ 10,000 ล้านบาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยแบ่งวงเงินออกเป็นก้อนแรก 6,500 ล้านบาทเพื่อเป็นปัจจัยการผลิตสำหรับชาวไร่อ้อยทุกรายที่จดทะเบียนเป็นชาวไร่อ้อยและทำสัญญาส่งอ้อยเข้าโรงงานน้ำตาลก่อนเปิดหีบ ซึ่งมีจำนวนรวมประมาณเกือบ 200,000 ราย และวงเงินที่เหลือ 3,500 ล้านบาท เป็นเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดส่งเข้าโรงงานน้ำตาลทุกตันอ้อย โดยช่วยเหลือเพิ่ม 93 บาทต่อตัน
"เงินดังกล่าวจะเป็นการช่วยให้ชาวไร่อ้อยมีสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นในฤดูการผลิตปี 2562/63 ที่ราคาอ้อยขั้นต้นอยู่ที่ 750 บาทต่อตันซึ่งถือเป็นราคาที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งเงินนี้ก็จะทำให้ชาวไร่ได้นำไปบำรุงและดูแลอ้อยในฤดูใหม่ต่อไป และยังเป็นการส่งเสริมการตัดอ้อยสดของชาวไร่ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ที่ ครม.ปี 2561 กำหนดให้ลดการตัดอ้อยสด 3 ฤดูผลิตจนเป็น 0-5% ในฤดูผลิตปี 63/64" นายสุริยะกล่าว
นายนราธิป อนันตสุข หัวหน้าสำนักงานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทยและหัวหน้าสำนักงานสมาคมชาวไร่อ้อยเขต 7 กล่าวว่า ชาวไร่อ้อยทั่วประเทศต่างรอวงเงินดังกล่าวเพื่อนำมาเสริมสภาพคล่องตั้งแต่ก่อนเปิดหีบอ้อยฤดูหีบปี 62/63 เพราะต้นทุนสูงขึ้น ประกอบกับรัฐส่งเสริมให้ตัดอ้อยสดตามมติ ครม.เมื่อ 11 มิ.ย. 2562 ขณะเดียวกัน หลังปิดหีบแล้วผลผลิตอ้อยก็ลดลงเหลือเพียง 74.89 ล้านตันต่ำสุดรอบ 10 ปี ซึ่งทำให้ระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทยสูญเสียรายได้รวมแสนล้านบาท
"ขณะนี้ชาวไร่อ้อยเองก็กังวลที่ราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกกลับมาลดต่ำ 9-10 เซ็นต์ต่อปอนด์จากที่เคยสูงถึง 15 เซ็นต์ต่อปอนด์เพราะโควิด-19 ที่ทำให้การใช้น้ำตาลทั่วโลกลดลงไปมาก เราก็หวังว่าเมื่อโควิด-19 คลี่คลายราคาน้ำตาลทรายจะกลับมาสูงกว่านี้ เพราะไม่เช่นนั้นจะกระทบให้ราคาอ้อยขั้นต้นฤดูผลิตปี 63/64 ตกต่ำอีกปีหนึ่งได้อีก" นายนราธิปกล่าว
ส่วนกรณีการตัดอ้อยสดเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เสนอไว้ในฤดูการผลิตปี 63/64 ที่กำหนดให้ลดปริมาณอ้อยไฟไหม้เหลือ 20% ปริมาณอ้อยสด 80% ของปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมดนั้นเป็นไปตามกรอบมติ ครม.ปี 2562 แต่ชาวไร่อ้อยได้เสนอที่จะขอให้ลดปริมาณอ้อยไฟไหม้เหลือ 40% อ้อยสดปริมาณ 60%
"ความเห็นชาวไร่อ้อยกับรัฐยังไม่ตรงกันในเรื่องของอ้อยไฟไหม้ แต่ก็คงต้องทำตามที่รัฐกำหนดไปก่อนหากไม่ได้อย่างไรก็คงต้องมาดูปัจจัยต่างๆ โดยในฤดูหีบ 62/63 ที่เป็นการตัดอ้อยสดตามกำหนด ครม.ฤดูหีบแรกที่เปิดหีบ 1 ธันวาคม 62 จนถึงวันที่ 25 มีนาคม 2563 มีปริมาณอ้อยไฟไหม้ 37.18 ตัน หรือคิดเป็น 49.65% ก็ถือว่าใกล้เคียงเป้าหมายที่ตั้งไว้ 50%" นายนราธิปกล่าว