วงการอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายเกาะติดโควิด-19 ปัจจัยใหม่ใกล้ชิดหวั่นฉุด ศก.โลกชะลอกดดันราคาน้ำตาลตกต่ำหลังสัญญาณเริ่มมาซึ่งจะกระทบการผลิตปี 63/64 ขณะที่ภัยแล้งกระหน่ำแล้วทำผลผลิตอ้อยฤดูหีบที่คาดว่าจะปิดเร็วๆ นี้หายวับ 55 ล้านตันเหลือผลผลิตไม่ถึง 75 ล้านตันอ้อย น้ำตาลวูบตามทำรายได้ทั้งระบบสูญแสนล้านบาท ด้านชาวไร่รอลุ้นเงินช่วยปัจจัยผลิตหมื่นล้านต่อลมหายใจ
นายวีระศักดิ์ ขวัญเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย เปิดเผยว่า ขณะนี้หลายฝ่ายกำลังติดตามปัจจัยเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อการผลิตอ้อยและน้ำตาลทรายฤดูผลิตปี 2563/64 โดยเฉพาะ 2 ปัจจัย ได้แก่ ราคาน้ำตาลตลาดโลกที่เริ่มได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวเพราะการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ซึ่งราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดโลกต้นปีเฉลี่ย 15 เซ็นต์ต่อปอนด์เริ่มอ่อนค่ามาสู่ระดับ 11-12 เซ็นต์ต่อปอนด์ และปัจจัยจากภาวะภัยแล้งว่าจะรุนแรงมากน้อยเพียงใดเพราะจะกระทบให้ผลผลิตอ้อยอาจลดต่ำลงต่อเนื่องจากฤดูหีบปี 63/64 ได้
“คงจะต้องเกาะติดโควิด-19 ใกล้ชิดเพราะถือเป็นปัจจัยใหม่ว่าจะยืดเยื้อมากน้อยเพียงใดเพราะเป็นกันทั่วโลก ซึ่งหากกระทบมากราคาน้ำตาลก็อาจจะไม่ได้สูงจากที่เคยคาดการณ์ไว้ หากเป็นเช่นนี้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายก็จะเหนื่อยต่อเนื่องอีกปีหนึ่ง” นายวีระศักดิ์กล่าว
สำหรับฤดูผลิตอ้อยปี 2562/63 ที่ทยอยเปิดหีบนับตั้งแต่ 1 ธ.ค. 62 ขณะนี้โรงงานส่วนใหญ่ทยอยปิดหีบแล้วเหลือเพียง 2-3 แห่งที่ยังคงผลิตอยู่เฉลี่ยเพียงวันละกว่า 2 หมื่นตันอ้อย คาดว่าจะปิดหีบไม่เกิน 26 มี.ค.นี้ เบื้องต้นคาดว่าผลผลิตอ้อยโดยรวมจะอยู่ที่ประมาณ 74.9 ล้านตันเมื่อเทียบกับผลผลิตอ้อยในฤดูหีบที่ผ่านมาที่มีปริมาณอ้อยสูงถึง 130 ล้านตันหรือปริมาณอ้อยหายไปถึง 55 ล้านตันเนื่องจากปัญหาภัยแล้ง โดยคิดเป็นมูลค่าที่หายไปจากระบบราว 5 หมื่นล้านบาท และเมื่อรวมกับอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เป็นห่วงโซ่อุปทานทั้งโมลาส (กากน้ำตาล) การผลิตไฟฟ้าจากใบอ้อย เป็นต้น คาดว่าไทยจะสูญเสียรายได้รวมประมาณ 1 แสนล้านบาท
“ผลผลิตน้ำตาลทรายล่าสุดอยู่กว่า 82 ล้านกระสอบ หรือ 8.3 ล้านตัน คาดว่าปิดหีบแล้วปริมาณจะเพิ่มขึ้นจากนี้เล็กน้อย ขณะที่ฤดูที่ผ่านมาน้ำตาลทรายผลิตถึง 14.5 ล้านตันก็หายไปพอสมควร ซึ่งปกติอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายจะมีรายได้ต่อปีเฉลี่ยรวม 2.2 แสนล้านบาท ก็จะเห็นว่าระบบจะสูญไปนับแสนล้านบาทจากผลผลิตที่ลดต่ำเพราะปัญหาภัยแล้ง” นายวีระศักดิ์กล่าว
นายนราธิป อนันตสุข หัวหน้าสำนักงานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผลผลิตอ้อยปี 62/63 ที่คาดว่าจะปิดหีบเร็วๆ นี้น่าจะไม่ถึง 65 ล้านตันอ้อย ปัจจัยสำคัญเพราะภัยแล้งและฤดูใหม่ แม้ล่าสุดจะเริ่มมีปริมาณฝนมาบ้างก็ถือเป็นการดีต่ออ้อยตอ และอ้อยปลูกใหม่ แต่ก็ยังคงชี้วัดไม่ได้เพราะหากแล้งต่อเนื่องอีกก็ย่อมส่งผลกระทบ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าในฤดูหีบปี 63/64 แนวโน้มผลผลิตอ้อยจะลดลงจากฤดูนี้อีก เพราะในแง่พื้นที่บางส่วนลดลงเนื่องจากเกษตรกรหันไปปลูกมันสำปะหลังที่ราคาดีกว่า
“คงต้องติดตามใกล้ชิดทั้งโควิด-19 ที่จะมีผลต่อราคาน้ำตาลตลาดโลกและราคาอ้อยขั้นต้นในฤดูถัดไป ซึ่งฤดูปี 62/63 ถือว่าตกต่ำอยู่ที่เพียง 750 บาทต่อตัน (10 CCS) ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมเสนอ ครม.ที่จะของบหมื่นล้านบาทมาช่วยเหลือปัจจัยการผลิต ก็ต้องการให้เร่งส่วนนี้ให้เร็วหากเป็นไปได้ควรได้รับเงินเม.ย.นี้เพื่อไปเร่งบำรุงตอ” นายนราธิปกล่าว