“สอน.” คาดเริ่มเปิดหีบอ้อยฤดูผลิตปี 62/63 ได้ 1 ธ.ค. 62 นี้ รองรับผลผลิตอ้อยที่คาดว่าอยู่ที่ 110 ล้านตันลดลงจากฤดูหีบปีที่แล้วถึง 20 ล้านตัน กล่อมชาวไร่อ้อย-โรงงานร่วมเดินตามเป้าลดปริมาณอ้อยไฟไหม้ประเดิมฤดูหีบแรกตามมติ ครม.ลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก ขณะที่โรงงานรับไม่ง่าย เหตุรถตัดยังน้อย
นางวรวรรณ ชิตอรุณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยว่า คาดว่าการเปิดหีบอ้อยฤดูการผลิตปี 2562/63 จะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ โดยจะช้าราว 1 สัปดาห์เมื่อเทียบกับฤดูหีบปีที่ผ่านมาที่เริ่มกำหนดเปิดหีบอ้อยวันที่ 25 พ.ย. 2561/62 ทั้งนี้เนื่องจากต้องการให้อ้อยรอสะสมความหวานให้เต็มที่ก่อนเนื่องจากที่ผ่านมาประสบภาวะภัยแล้ง ประกอบกับประเมินว่าปริมาณอ้อยในฤดูผลิตปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 110 ล้านตัน ซึ่งถือเป็นปริมาณที่ลดลงจากฤดูหีบปีที่แล้วที่มีอ้อยเข้าหีบสูงถึง 130 ล้านตัน
“อ้อยเราเจอช่วงภัยแล้งก่อนหน้านี้จึงต้องการให้มีการสะสมความหวานระยะหนึ่งก่อนเพื่อเป็นประโยชน์ต่อชาวไร่อ้อย เพราะอ้อยฤดูหีบใหม่จะน้อยกว่าปีที่แล้ว ดังนั้นระยะเวลาหีบจึงน่าจะเพียงพอ โดยปกติโรงงานจะเร่งปิดหีบช้าสุดก็ปลาย เม.ย.ของทุกปีเพื่อหนีฝนที่จะมาซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการขนย้ายอ้อย” นางวรวรรณกล่าว
อย่างไรก็ตาม มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 11 มิ.ย. 62 ได้กำหนดมาตรการลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กเพื่อไม่ให้กระทบต่อสภาพอากาศ ด้วยการกำหนดให้ฤดูการผลิตปี 62/63 โรงงานน้ำตาลจะรับอ้อยไฟไหม้เข้าหีบได้ไม่เกิน 30% ต่อวัน ขณะที่ฤดูการผลิตปี 2563 /2564 โรงงานรับอ้อยไฟไหม้เข้าหีบได้ไม่เกิน 20% ต่อวัน และในฤดูการผลิตปี 2564/2565 จะลดปริมาณอ้อยไฟไหม้เข้าหีบเพียง 0-5% ต่อวัน ซึ่งเบื้องต้น สอน.จะออกระเบียบเพื่อให้มีการดำเนินงานตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งฤดูหีบ 62/63 จะเป็นปีแรกที่ดำเนินงานตามมติ ครม. แม้ว่าชาวไร่อ้อยต้องการให้มีการปรับลดเป้าหมายหรือขยายเวลาของมาตรการดังกล่าวออกไปก็ตาม
ทั้งนี้ เนื่องจาก สอน.ต้องการให้มีการทดลองดำเนินการไปก่อนเพื่อให้เห็นชัดเจนถึงอุปสรรคและปัญหาของการดำเนินงานให้ภาครัฐเข้าใจอย่างแท้จริง เพราะการเสนอลดเป้าหมายหรือขยายเวลาดำเนินการจะต้องนำเสนอ ครม.พิจารณาทบทวนซึ่งดูจะไม่เหมาะสมหากยังไม่ได้ปฏิบัติ ดังนั้น หากฤดูหีบปี 62/63 ไม่ได้ผลตามเป้าหมายอย่างไรจะได้นำเสนอ ครม.ให้ทบทวนหรือหาแนวทางให้สามารถดำเนินการได้ตามกำหนดต่อไป
นางวรวรรณกล่าวว่า สอน.ยอมรับและเข้าใจทุกฝ่ายว่าการลดปริมาณอ้อยไฟไหม้เข้าหีบในปี 62/63 ที่กำหนดไว้นั้นไม่ง่ายนัก เนื่องจากอุปสรรคสำคัญมีทั้งสินเชื่อเพื่อซื้อรถตัดอ้อยซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการลดปริมาณอ้อยไฟไหม้คิดอัตราดอกเบี้ยกับเกษตรกร 2% ต่อปี ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ สอน.เคยคาดหวังจะผลักดันให้เกษตรกรจ่ายเพียง 1% ต่อปี ประกอบกับการปล่อยกู้ให้โรงงานซื้อรถตัดอ้อยอีกส่วนหนึ่งผ่านกลไกกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายดำเนินการจัดซื้อไม่ทันเพราะคณะทำงานไม่มีเนื่องจากบอร์ดมีกรรมการไม่ครบ
นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี รองประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไทยชูการ์ มิลเลอร์ จำกัด (TSMC) กล่าวว่า ขณะนี้กำลังหารือการเปิดหีบอ้อยฤดูผลิตปี 62/63 ซึ่งมีบางแห่งต้องการเปิดก่อน 1 ธ.ค. 62 อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการเสนอคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) เห็นชอบ ซึ่งหากเป็นวันที่ 1 ธ.ค.คงไม่เป็นปัญหาอะไร แต่ยอมรับว่าการลดอ้อยไฟไหม้ตามที่ ครม.กำหนดไว้ไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งขณะนี้กำลังหารือกับทุกฝ่ายเพื่อที่จะดำเนินการ โดยปัจจุบันรถตัดอ้อยมีทั้งระบบราว 2,000 กว่าคัน แต่ยังทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเพราะพื้นที่ไร่อ้อยบางส่วนไม่ได้ปรับปรุงให้รองรับรถตัดอ้อยลงไปตัดได้