คปพ.ลุ้นคณะทำงานพลังงานเพื่อความเป็นธรรมที่มีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธานเสนอ “กบง.” เคาะลดราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น 50 สตางค์ต่อลิตร หลังพิจารณารายละเอียดในการปรับโครงสร้างในคณะทำงานย่อยแล้วสามารถดำเนินการได้
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ตัวแทนเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) ในฐานะผู้แทนภาคประชาชนในคณะทำงานพลังงานเพื่อความเป็นธรรม ที่มีนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน เปิดเผยว่า คณะทำงานพลังงานเพื่อความเป็นธรรมได้มีข้อสรุปเบื้องต้นที่จะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน เร็วๆ นี้เห็นชอบแนวทางการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นลดลงประมาณ 50 สตางค์ต่อลิตรในเบื้องต้น
“ทางคณะทำงานกลุ่มย่อยได้ข้อสรุปตรงกันส่วนใหญ่ว่าให้ปรับลดค่าพรีเมียมโรงกลั่น (ค่าขนส่ง ค่าประกัน ค่าสูญเสียน้ำมันระหว่างทาง ค่าปรับคุณภาพน้ำมัน) ที่เป็นองค์ประกอบต้นทุนของราคาหน้าโรงกลั่น ซึ่งเรายืนยันว่าสิ่งที่ดำเนินการได้มีการคำนึงถึงความอยู่รอดของธุรกิจโรงกลั่น ขณะเดียวกันก็มองความเป็นธรรมที่ประชาชนจะได้รับ ซึ่งทราบว่า กบง.จะประชุม 19 มี.ค.นี้หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จากนั้นก็จะเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกฯ เป็นประธานวันเดียวกันรับทราบต่อไป” นายปานเทพกล่าว
ทั้งนี้ ข้อเสนอให้ปรับลดราคาหน้าโรงกลั่นฯ 50 สตางค์ต่อลิตรนั้น ที่ประชุมคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม (กลุ่มย่อย) ได้พิจารณาบนฐานข้อมูลที่ได้รับจากทุกฝ่ายแล้ว รวมถึงข้อมูลจากทางกลุ่มโรงกลั่นฯ ด้วย แต่ก็มีข้อมูลบางส่วนที่ทางโรงกลั่นฯ ระบุว่าไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะเป็นความลับทางการค้า ดังนั้น หากจะทำให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ทางโรงกลั่นฯ เองก็ควรเปิดเผยข้อมูลที่แท้จริงให้ภาครัฐ และให้รัฐเป็นผู้ยืนยัน หรือรับรองข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาคประชาชน ไม่เช่นนั้นภาคประชาชนก็อาจจะเปรียบเทียบข้อมูลราคาหน้าโรงกลั่นฯ อ้างอิงกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือการส่งออกน้ำมันได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าข้อเสนอให้ปรับลดราคาหน้าโรงกลั่นฯ ในเบื้องต้นทางกลุ่มโรงกลั่นฯ จะยังไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าวก็สามารถยื่นเรื่องคัดค้านต่อที่ประชุม กบง.ได้ และหาก กบง.เห็นว่าข้อมูลไม่ครบถ้วนก็สามารถเรียกข้อมูลมาพิจารณาเพิ่มเติมได้ ส่วนกรณีที่โรงกลั่นฯ ระบุว่าสเปกน้ำมันของไทยสูงกว่าประเทศอื่นทำให้ต้นทุนราคาหน้าโรงกลั่นฯ ของไทยยังแพงนั้น ก็ต้องตั้งคำถามว่าสเปกน้ำมันของไทยสูงเกินมาตรฐานไปหรือไม่ ถ้าสูงไปก็ต้องเปรียบเทียบเป็นรายชนิด และหากจะปรับเปลี่ยนรายละเอียดในสเปกก็เป็นเรื่องที่ดำเนินการได้ ซึ่งก็อยู่ที่การพิจารณาของภาครัฐ แต่จากข้อมูลที่ศึกษากันในเบื้องต้น มั่นใจว่า 50 สตางค์แรกสามารถปรับลดลงได้อย่างแน่นอน
“เรื่องของโครงสร้างราคาน้ำมันนั้นยังมีรายละเอียดในส่วนอื่นๆ ที่ทางเครือข่ายภาคประชาชนจะเข้าไปติดตามเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้ใช้น้ำมัน และจะดำเนินการในระยะต่อไป เช่น ราคาเอทานอล ที่นำมาผสมในแก๊สโซฮอล์ และไบโอดีเซลที่นำมาผสมในดีเซล ซึ่งขณะนี้ราคาเชื้อเพลิงหลายชนิดถูกลง ก็ควรจะไปดูรายละเอียดในโครงสร้างราคาเพื่อปรับให้ราคาสะท้อนต้นทุนด้วย” นายปานเทพกล่าว