“ปานเทพ-รสนา” เผยความคืบหน้าประชุมคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม สรุปลด 50 สต./ลิตรไปก่อน แต่สุดท้ายยังไม่สำเร็จถูก “โรงกลั่น” เข้าขวาง แจงธงของภาคประชาชนต้องลด 1.32 บาท/ลิตร มาจากหักค่าปรับปรุงคุณภาพที่ไม่มีอยู่จริง-ค่าสำรองน้ำมัน-ค่าลักไก่ใช้เบนซิน 91 ทำแก๊สโซฮอล์ 95 แต่อิงราคาเบนซิน 95 ซึ่งแพงกว่า
วันที่ 4 มี.ค. 63 น.ส.รสนา โตสิตระกูล และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ตัวแทนเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง “นิวส์วัน” ในหัวข้อ “ปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน คืบหน้าไปถึงไหน?”
นายปานเทพกล่าวว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ได้ตั้งเวทีพูดคุยกับภาคประชาชนเพื่อหาราคาพลังงานที่เป็นธรรม นายสนธิรัตน์พูดในหลายเวทีว่าต้องลดราคาให้เป็นธรรม ตนก็เชื่อว่า รมว.พลังงาน อยากลดจริง
มีการตั้งคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม ประกอบด้วยหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการ ภาคประชาชนคือกลุ่มผีเสื้อกระพือปีก และเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) แล้วยังมีกลุ่มธุรกิจพลังงานอยู่ด้วย จะว่าไปแล้วผู้ทรงคุณวุฒิบางท่านก็มาจากธุรกิจพลังงาน หรือเคยอยู่กลุ่มธุรกิจพลังงานมาก่อน
ซึ่งในสายตาภาคประชาชนรัฐกับเอกชนคือพวกเดียวกัน เพราะว่าเวลาเขาเจรจาเพื่อขึ้นราคาโครงสร้างไม่ถามประชาชน แต่ถามกลุ่มธุรกิจพลังงาน เวลาลดราคาก็ต้องขอความเห็นธุรกิจพลังงานก่อน ตนไม่สบายใจเหมือนกัน กลัวว่าเวทีนี้จะเป็นเพียงละครปาหี่ แต่ส่วนตัวเชื่อใน รมว.พลังงาน ว่าตั้งใจลดจริง
มีการประชุมครั้งแรก 21 พ.ย. 62 มีการเสนอว่าตั้งคณะทำงานเอาส่วนที่เกี่ยวข้องไปคุยทางเทคนิคแยกเป็นเรื่องๆ ต่อมาประชุม 2 ธ.ค. 62 ยังไม่ก้าวหน้าเพราะต้องรออะไรอีกหลายอย่าง ซึ่งเราท้วงเรื่องค่าปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน จากยูโร 3 มาเป็นยูโร 4 ตั้งแต่ ก.ค.สิงคโปร์ใช้เป็นยูโร 4 หมดแล้ว แต่ยังลักไก่ใช้ค่าปรับปรุงคุณภาพแบบเดิมมาจนถึง ธ.ค. 62
ประชุมอีกรอบ 12-13 ธ.ค. 62 แล้วบอกให้เอาเข้า กบง.เลยก็ไม่เข้า อ้างว่าต้องอาศัยข้อมูลมติคณะกรรมการ กบง.เพื่อขอให้โรงกลั่นเปิดข้อมูล
23 ธ.ค. กบง.ประชุมครั้งที่ 7 หาสูตรคำนวณราคาโรงกลั่น จากนั้นก็มีประชุมย่อยขอข้อมูลอื่นๆ อีกจากโรงกลั่น ผู้ทรงคุณวุฒิก็ขอ แต่ไม่ได้ ภาคประชาชนก็ไม่ได้ หลังจากนั้น 14 ม.ค. 63 ประชุมหารายละเอียดทางเทคนิคครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ในวันที่ 21 ก.พ. 63
จนกระทั่ง 21 ก.พ. 63 เราพูดคุยกันว่าประชุมกันหลายรอบแล้ว สิ่งที่เราเห็นกันบางอย่าง ก็คือค่าปรับปรุงคุณภาพมันไม่ควรเป็นราคานี้ เพราะมันเปลี่ยนไปแล้ว เราจะมาลักไก่ใช้ค่าปรับปรุงคุณภาพสิ่งที่มันไม่มีได้อย่างไร และคุยเรื่องอื่นๆ อีก อย่างเรื่องคลังสำรองน้ำมัน แต่เดิมมันไม่มีวันดีคืนดีคิดค่าสำรองน้ำมันเฉย เอากำไรมหาศาล และมีอีกหลายเรื่องไม่ชอบมาพากล ฝั่งผู้ทรงคุณภาพบอกว่าให้ลดไปก่อน 50 ส.ต. แต่ภาคประชาชนตั้งธงไว้ต้องลด 1.30 บาท
แต่เราก็เห็นว่าลด 50 สต.ไปก่อนในช่วงเจรจาก็ยังดี เป็นเหตุให้ประชุมวันนี้ (4 มี.ค. 63) ในที่สุดแล้วประชุมแต่เช้าถึงเที่ยงไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเอาโรงกลั่นมาฟังด้วย เขาโต้แย้งว่าไม่เห็นด้วยกับค่าปรับปรุงคุณภาพเพราะมีสูตรต้องปรับปรุงคุณภาพมากกว่าเดิม พอถามข้อมูลก็ไม่ยอมบอกตัวเลข ไม่มีข้อมูลให้ เป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง
ตนก็ท้วงว่าให้โรงกลั่นมาชี้แจงเขาก็ต้องหากำไรสูงสุด ตัวเลขนี้เชื่อได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะคนเสนอมีผลประโยชน์ทับซ้อน ทำไมไม่เทียบราคาส่งออก ก่อนหน้านี้ โรงกลั่นบอกว่าราคาที่เราส่งออกถูกกว่าราคาหน้าโรงกลั่นที่ใช้ในประเทศ เราเลยเสนอปลัดกระทรวงพลังงาน ได้โปรดเสนอข้อยุติของผู้ทรงคุณวุฒิเสนอต่อที่ประชุม กบง.เลย แล้วถ้าจะท้วงติงจากโรงกลั่นก็เสนอมา แต่ขอให้ชัดเจนในตัวเลข เมื่อถึง กบง.แล้ว รมว.พลังงาน ก็เป็นประธาน เราก็อยากรู้ว่าท่านจะตัดสินใจยังไง เราจะได้รู้ว่าที่เจรจาประสบความสำเร็จตามที่ท่านประกาศเอาไว้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือเปล่า
ด้าน น.ส.รสนา กล่าวว่า ประเด็นที่ ก.ค. 62 สิงคโปร์ปรับคุณภาพน้ำมันจากยูโร 3 มาเป็นยูโร 4 แต่ไทยไม่ตัดค่าปรับปรุงคุณภาพออกไป เขาอ้างว่าคุณภาพดีกว่าของสิงคโปร์ สามารถลดให้ได้ในค่าลดกำมะถัน คือ 0.08 บาทต่อลิตรจากที่เก็บไป 48 สต.
เราก็บอกว่าตั้งแต่ปี 55 ถึงปัจจุบันค่าปรับปรุงคุณภาพดีเซลประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ค่าปรับปรุงคุณภาพเบนซิน 95 ได้ไป 4.2 หมื่นล้าน รวม 2 ตัวแสนกว่าล้านบาท ยังไม่เพียงพอต่อการลงทุนเครื่องจักรในการปรับปรุงคุณภาพอีกหรือ เราถามไปว่าค่าลงทุนเครื่องจักรเท่าไหร่ บอกจำไม่ได้
ค่าสำรองน้ำมันเมื่อก่อนไม่เคยมี รัฐให้เอกชนสำรองน้ำมัน 5 เปอร์เซ็นต์ แต่พอสมัย ศิริ จิระพงษ์พันธ์ เป็น รมว.พลังงาน บอกว่าให้สำรองน้ำมันเพิ่มเป็น 6 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มมาแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ แต่เขาคิดค่าสำรองน้ำมันรวดเดียว 6 เปอร์เซ็นต์เลย ทำไมไม่คิดแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มมา ถ้าอ้างว่ารัฐทำให้มีภาระเพิ่มขึ้น 13 สต.ต่อลิตร 2 ปีได้ไปหมื่นล้าน
อีกกรณีน้ำมันเบนซินที่เอามาผสม เขาอ้างว่าใช้เบนซิน 95 ในการทำแก๊สโซฮอล์ 95 แต่พวกเราจับได้ว่าใช้เบนซิน 91 แต่อิงราคา 95 ซึ่งแพงกว่า อย่างเอทานอล 91 ก็ไม่ได้ใช้เบนซิน 91 มาผสม แต่ใช้แค่เบนซิน 87 ซึ่งราคา 87 ย่อมถูกกว่าเบนซิน 91 ตรงนี้ถ้าลดได้จะลดไปเป็นบาทเลย แต่เขาก็อ้างว่าต้องอ้างอิงราคาที่ขายในตลาดอาเซียน ทั้งหมดที่กล่าวมารวมๆ แล้ว ข้อเสนอของภาคประชาชนจึงขอลดราคาน้ำมันอยู่ที่ 1.32 สต./ลิตร