xs
xsm
sm
md
lg

กลุ่มโรงกลั่นแนะรัฐทบทวนสเปกน้ำมัน ก่อนปรับลดราคาอ้างอิง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กลุ่มโรงกลั่นฯ ค้านการปรับลดราคาอ้างอิง ณ โรงกลั่น 50สต./ลิตร เว้นรัฐทบทวนสเปกของน้ำมันให้เหมาะสมและใกล้เคียงกับต่างประเทศ ก่อนปรับสูตรการคำนวณราคาน้ำมัน โดยเสนอตั้งคณะทำงานร่วมกับกลุ่มโรงกลั่นฯเพื่อศึกษาและสรุปแนวทางร่วมกัน

นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่าจากการหารือร่วมกับคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม เพื่อพิจารณาเรื่องการปรับสูตรราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันนั้น ทางกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันไม่เห็นด้วยกับการปรับลดราคาอ้างอิง ณ โรงกลั่นน้ำมันลง 50 สตางค์ต่อลิตรตามที่เป็นข่าว

ซึ่งการพิจารณาสูตรราคาที่ทางคณะทำงานฯ ได้เสนอให้อ้างอิงราคาที่ MOPS 91 Non-Oxy นั้น มีความไม่เหมาะสม เนื่องจากปริมาณการซื้อขายมีไม่มาก คิดเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับปริมาณการซื้อขายน้ำมันเบนซินในภูมิภาคเอเชีย โดยราคา MOPS 91 Non-Oxy เป็นเพียงราคาประเมิน ไม่ได้มีการซื้อขายจริง ในขณะที่การซื้อและขายน้ำมันเบนซินในภูมิภาคเอเชียจะอ้างอิงราคาที่ MOPS 95 เป็นหลัก เนื่องจากการผลิตน้ำมันต้องสอดคล้องกับข้อกำหนดและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่สั่งซื้อและจำหน่าย

ในส่วนค่าปรับปรุงคุณภาพจะต้องคำนึงถึงทุกคุณสมบัติของน้ำมันตามข้อกำหนดและคุณภาพน้ำมันแก๊สโซฮอล์ของกรมธุรกิจพลังงาน ซึ่งจะทำให้น้ำมันเบนซินพื้นฐานในประเทศไทยมีมาตรฐานที่สูงกว่าประเทศอื่นๆ เช่น ความดันไอ, อุณหภูมิการระเหย, ค่าเบนซีน และค่าออกเทนโดยวิธีมอเตอร์ (MON) เป็นต้น หากมีการปรับลดมาตรฐานคุณภาพน้ำมันดังกล่าวให้เหมาะสมและใกล้เคียงกับต่างประเทศ กลุ่มโรงกลั่นน้ำมันก็สามารถพิจารณาปรับค่าปรับปรุงคุณภาพได้ พร้อมทั้งจะช่วยลดการนำเข้าน้ำมันเบนซินพื้นฐานลง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศในด้านความมั่นคงทางพลังงานและลดการขาดดุลการค้า

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมที่แท้จริงต่อทุกฝ่าย กลุ่มโรงกลั่นฯจึงเสนอให้กระทรวงพลังงานตั้งคณะทำงานร่วมกับกลุ่มโรงกลั่นฯ เพื่อศึกษาและพิจารณาปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน กำหนดสเปกให้เหมาะสมกับประเทศไทยว่าอะไรที่มีข้อกำหนดสูงเกินไป มีความจำเป็นจริงหรือไม่ และเมื่อไทยจะส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพ สเปกของโรงกลั่นน้ำมันที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร หากมีการกำหนดสเปกลง ต้นทุนก็จะลดลงด้วย ก็จะทำให้ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นก็ปรับลดลงได้ด้วยเช่นกัน

ในเร็วๆนี้ ทางกรมธุรกิจพลังงานจะเชิญกลุ่มโรงกลั่นฯ ในประเทศทั้ง 6 โรง คิดเป็นกำลังผลิตราว 1 ล้านบาร์เรล/วันมาประชุม ในเรื่องการกำหนดสเปกน้ำมันพื้นฐาน G-BASE ใหม่ สำหรับการส่งเสริมอี 20 เป็นน้ำมันหลักของกลุ่มเบนซิน และยกเลิกการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ 91 ซึ่งหากไม่กำหนดG-BASE ใหม่ ก็คาดว่า ประเทศไทยจะต้องนำเข้า G-BASE 95 เพิ่มขึ้นและต้องส่งออก G-BASE 91 ซึ่งสร้างความไม่สมดุลของการผลิต จำหน่ายน้ำมันของประเทศ

ก่อนหน้านี้ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าธุรกิจน้ำมันของไทยเป็นไปตามกลไกตลาดเสรี ดังนั้นการพิจารณาราคาหน้าโรงกลั่นฯต้องพิจารณาให้รอบด้านเพื่อความเป็นธรรม ที่ผ่านมา กลุ่มโรงกลั่นฯมีทั้งขาดทุนและกำไร ตามภาวะเศรษฐกิจ โดยช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ โรงกลั่นก็ขาดทุน ก็ไม่มีฝ่ายใดคำนึงถึง และที่สำคัญปัจจุบันนี้ โรงกลั่นฯมีกำลังกลั่นราว 9 แสนบาร์เรล/วัน คิดเป็นการกลั่นน้ำมันกลุ่มดีเซลและเบนซิน ราว 60 ล้านลิตรต่อวัน หากลดราคาลง 50 สตางค์/ลิตร ก็จะมีผลราว 30 ล้านบาท/วัน ซึ่งก็จะกระทบทั้งรายได้ของโรงกลั่น และกระทบต่อการจ่ายภาษีแก่ภาครัฐ โดยหากรัฐต้องการให้ราคาน้ำมันขายปลีกลดลง ภาครัฐก็ควรจะมาดูถึง โครงสร้างราคาน้ำมัน ที่พบว่า มีการจ่ายภาษีและกองทุฯแก่รัฐค่อนข้างสูง หากจะลดจริงควรดูสิ่งนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากราคาน้ำมันปรับลดสูงมากเกินไป จะส่งผลทำให้เกิดการใช้อย่างไม่มีประสิทธิภาพอีกด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น