กระทรวงพลังงาน ทำหนังสือถึงกรมสรรพสามิต พร้อมปลดล็อกขั้นตอนปฏิบัติให้ผู้ซื้อให้กรมสรรพสามิตอนุญาต นำเอทานอลที่ใช้ในเชื้อเพลิงไปใช้ในการผลิตเจลล้างมือ ได้โดยไม่ต้องรอความเห็นชอบจากกระทรวงพลังงาน เพื่อรับมือโควิด-19 มั่นใจมีแอลกอฮอล์เพิ่มในระบบ 1 ล้านลิตรต่อวัน ลั่นน้ำมันขายปลีกไทยสะท้อนตลาดโลก
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วันนี้ (13 มี.ค.) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง เพื่อแจ้งให้พิจารณาอนุญาตนำเอทานอลที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงสามารถไปผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือ (เจลล้างมือ) ได้โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากกระทรวงพลังงาน เพื่อลดขั้นตอน ซึ่งจะทำให้มีปริมาณแอลกอฮอล์เข้าสู่ระบบเพิ่มอีก 1 ล้านลิตรต่อวันเพียงพอที่จะดูแลประชาชนในการรับมือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
“กระทรวงพลังงาน และ กรมสรรพสามิต ได้ร่วมมือกันปลดล็อกครั้งนี้ ในการนำเอทานอลส่วนเกินจากโรงงาน 26 แห่งที่มีอยู่มาป้อนให้กับผู้ผลิตเจลล้างมือ โดยขั้นตอนผู้ผลิตเจลล้างมือ หรือแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ เดิมจะต้องให้กระทรวงพลังงานจัดสรรแล้ว จึงไปแจ้งกรมสรรพสามิตต่อไป ก็ไม่ต้องมาแจ้งกระทรวงพลังงาน โดยสามารถไปติดต่อยังกรมสรรพสามิตโดยตรงจุดเดียว แต่กรมสรรพสามิตจะมีการรายงานสรุปปริมาณที่อนุญาต เพื่อติดตามปริมาณเอทานอลให้สมดุลกับ พพ.เท่านั้น ซึ่งคาดว่า สัปดาห์หน้าของจะทยอยออกมา” นายสนธิรัตน์ กล่าว
ส่วนสต๊อกเอทานอล 100 ล้านลิตรนั้น ขอชี้แจงว่า เป็นสต๊อกที่จะนำมาไว้ในการผสมน้ำมันเป็นแก๊สโซฮอล์ ซึ่งจะคนละเกรดกับเอทานอลที่จะนำไปให้ผู้ผลิตเจลล้างมือที่โรงงานได้ผลิตเพิ่มขึ้น เพื่อป้อนให้เพียงพอกับความต้องการของการใช้ในปัจจุบัน ที่อาจเกิดปัญหาขาดแคลนเจลล้างมือ โดยความร่วมมือของกระทรวงพลังงาน และ กรมสรรพสามิต ดังกล่าวจะดำเนินการจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
“โรงงานเอทานอลที่นำมาใช้กับภาคพลังงาน มีกำลังการผลิตติดตั้งประมาณ 6.3 ล้านลิตรต่อวัน โดยมีจำนวนโรงงานเอทานอลทั้งสิ้น 26 โรงงาน ผลิตเพื่อขาย 4.7 ล้านลิตรต่อวัน กำลังผลิตส่วนเกิน 1.5 ล้านลิตรต่อ การร่วมมือกับกรมสรรพสามิตครั้งนี้ ก็ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพลังงานสามารถบริหารจัดการ นำกำลังการผลิตเอทานอลส่วนเกินมาใช้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชนต่อไป โดยไม่กระทบกับภาคพลังงาน” นายสนธิรัตน์ กล่าว
นายสนธิรัตน์ กล่าวถึงราคาน้ำมันตลาดโลกที่ลดลงอย่างรวดเร็ว กระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์ แล้วพบว่า ผู้ค้าน้ำมันได้ปรับลดราคาสอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบที่ลดลง โดยการลดราคาขายปลีกมีการปรับลด 5 วันต่อเนื่อง แก๊สโซฮอล์ 95 ลดลง 3 บาท/ลิตร และกลุ่มดีเซลลดลง 2.10 บาท/ลิตร โดยการปรับราคานอกเหนือจากดูถึงเนื้อน้ำมันแล้ว ต้องดูถึงอัตราแลกเปลี่ยน และสต๊อกด้วย โดยราคาดีเซลที่ลดลงน้อยกว่าก็เป็นผลมาจากการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อดูถึงการบริหารเงินเพื่อเสถียรภาพระยะยาว รวมไปดึงการส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพ ซึ่งหลังหลังปรับราคาวันที่ 14 มี.ค., ไบโอดีเซล บี7 และดีเซลพรีเมียม ต่ำสุดในรอบ 4 ปี ส่วนกลุ่มแก๊สโฮอล์ต่ำสุดในรอบ 11 ปี