"สนธิรัตน์" ไฟเขียวเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นหลักเกณฑ์การคัดเลือกโรงไฟฟ้าชุมชน 13 มีนาคมนี้ หวังเดินหน้าโรงไฟฟ้าชุมชน 700 เมกะวัตต์ให้เอกชนยื่นเสนอภายใน มี.ค. หวังกระตุ้นเศรษฐกิจนับแสนล้านบาท
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วันที่ 13 มีนาคมนี้กระทรวงพลังงานจะจัดรับฟังความคิดเห็นหลักเกณฑ์การคัดเลือกโครงการโรงไฟฟ้าประชารัฐ 700 เมกะวัตต์ (MW) เพื่อเร่งดำเนินการประกาศให้เอกชนเข้าร่วมเสนอขายไฟฟ้าภายใต้เดือนมีนาคมนี้ เพื่อผลักดันให้เกิดการลงทุนประมาณ 70,000 ล้านบาท และก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระดับเศรษฐกิจนับแสนล้านบาทเพื่อลดผลกระทบเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
"นอกจากเม็ดเงินลงทุน 70,000 ล้านบาทแล้วยังได้ผลประโยชน์ในเรื่องการปลูกพืชพลังงาน สร้างรายได้ให้กองทุนหมู่บ้าน 25-30 สตางค์/หน่วย ชาวบ้านยังได้เงินปันผล ก็จะทำให้เกิดเม็ดเงินต่อเนื่องนับแสนล้านบาท และยังช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 จากการเผาวัสดุเกษตร 25,000 ตัน โดยขณะนี้มีโรงไฟฟ้าชุมชนนำร่องสามารถยื่นขอจัดตั้งโรงไฟฟ้าชุมชนได้ทันที เช่น โรงไฟฟ้าชุมชนที่ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่, อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์, อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี, อ.บันนังสตา จ.ยะลา และ อ.เมือง จ.นราธิวาส" นายสนธิรัตน์กล่าว
สำหรับการแก้ปัญหาขาดแคลนแอลกฮอล์ จะเร่งประสานกับ 26 โรงงานผู้ผลิตเอทานอลว่าจะมีสัดส่วนการนำมาผลิตเป็นแอลกอฮอล์แต่ละโรงงานมากน้อยเพียงใด โดยดูแลให้นำมาใช้ทางการแพทย์เท่านั้น หลังจากกรมสรรพสามิตออกประกาศให้นำเอทานอลไปขายเพื่อใช้ผลิตแอลกอฮอล์ทางการแพทย์เพื่อผลิตเป็นเจลล้างมือได้ โดยให้อยู่ในการดูแลของกระทรวงพลังงาน ซึ่งปัจจุบันมีเอทานอลส่วนเกินจากการผลิตเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงกว่า 1 ล้านลิตร/วัน และล่าสุดได้รับรายงานว่า บมจ.ปตท.จะร่วมแก้ไขปัญหา โดยมีแผนที่จะทำเจลล้างมือแจกแก่ผู้เติมน้ำมัน ขณะที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ก็ได้มีการผลิตเจลล้างมือแจกจ่ายให้พนักงานและเตรียมแจกชุมชนโดยรอบหน่วยงานเช่นกัน
รายงานข่าวแจ้งว่า เดิมจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นโรงไฟฟ้าชุมชนเมื่อวันที่ 11 มีนาคม โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน แต่ได้มีการยกเลิกไปเนื่องจากตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้ลดการประชุมใหญ่เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายของโควิด-19 แต่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจึงต้องเร่งดำเนินการ