“จุรินทร์” ลงนาม MOU ร่วมภาครัฐและเอกชนรวม 40 องค์กรทำแผนรับมือผลไม้ทุกชนิดที่กำลังออกสู่ตลาดปีนี้ 3 ล้านตัน เตรียมเดินหน้ารับรองสวนตามมาตรฐาน GAP ตั้งศูนย์รวบรวมผลไม้กระจายผลผลิตผ่านตลาดกลาง ห้างฯ สายการบิน ดันส่งออกไปจีนและ CLMMV พร้อมช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ส่งออก ผู้รวบรวม เล็งคุมเข้มล้ง ดูแลเรื่องโลจิสติกส์
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุม “การขับเคลื่อนมาตรการช่วยผลไม้ไทย สู้ภัย COVID-19” ที่กระทรวงพาณิชย์ ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้จัดให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนรวม 40 องค์กร เพื่อเตรียมมาตรการรองรับผลผลิตผลไม้ฤดูกาลผลิตปี 2563 ที่คาดว่าผลไม้ทุกชนิดจะมีผลผลิตรวมกันประมาณ 3 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 10% จากปีที่แล้ว และจะเริ่มออกสู่ตลาดมากตั้งแต่เดือนเม.ย. 2563 เป็นต้นไป จึงต้องกำหนดแผนและมาตรการรับมือเพื่อช่วยเหลือเรื่องราคาและเร่งระบายผลไม้ออกสู่ตลาด
มาตรการที่จะนำมาใช้ จะเร่งรับรองสวนผลไม้ตามมาตรฐาน GAP เพื่อให้เกษตรกรสามารถขายผลไม้ได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ, การจัดตั้งศูนย์รวบรวมผลไม้ที่ จ.จันทบุรี โดยรวบรวมผลไม้จากทุกฝ่ายแล้วมาบริหารจัดการ ส่วนภาคใต้จะตั้งที่ จ.ชุมพร และจะเร่งกระจายผลไม้ผ่านตลาดกลาง 20 แห่ง ห้างโมเดิร์นเทรด และดึงสายการบินให้โหลดผลไม้ขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 20 กิโลกรัม รวมทั้งกระจายผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น ไปรษณีย์ไทย ลาซาด้า ช้อปปี้ จตุจักรมอลล์ และไทยเทรดดอทคอม และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในประเทศในศูนย์การค้า และที่ต่างๆ เพื่อกระตุ้นการบริโภค
ส่วนการผลักดันการส่งออก จะร่วมมือกับจีนในการแก้ไขปัญหาความซ้ำซ้อนในการตรวจสอบคุณภาพ หากผ่านการตรวจสอบที่ไทยแล้วไม่ต้องตรวจซ้ำที่จีนอีก จะเร่งกระจายผลไม้ไปยังตลาด CLMMV (กัมพูชา สปป.ลาว พม่า มาเลเซีย และเวียดนาม) และจะจัดเทศกาลส่งเสริมการจำหน่ายผลไม้ไทย การเจรจาจับคู่ธุรกิจ และเร่งแก้ไขปัญหาอินโดนีเซียกีดกันผลไม้ไทย
ทั้งนี้ ยังจะมีการช่วยเหลือสภาพคล่องให้แก่ผู้ส่งออก ชดเชยดอกเบี้ย 3% ระยะเวลา 6 เดือน สหกรณ์การเกษตรที่รวบรวมผลไม้ ชดเชยดอกเบี้ย 3% ระยะเวลา 10 เดือน มีวงเงินทั้งหมด 1,000 ล้านบาท รวมถึงการช่วยเหลือตลาดกลางที่เข้ามาช่วยกระจายผลไม้
ขณะเดียวกัน จะกำกับดูแลล้งรับซื้อผลไม้ หากมีการกดราคารับซื้อจะใช้กฎหมายเรื่องการแข่งขันทางการค้าเข้ามาดำเนินการ กำหนดให้มีการติดป้ายแสดงราคารับซื้อ และผลักดันให้มีการทำสัญญามาตรฐาน และต้องปฏิบัติตามทั้งสองฝ่ายอย่างเคร่งครัดทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ส่วนระบบโลจิสติกส์ในการขนส่งผลไม้ การบินไทยจะเข้ามาช่วยในการขนส่งทางเครื่องบิน และสมาคมรถบรรทุกจะช่วยในเรื่องรถบรรทุก
