“วีรศักดิ์” ลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการโคนมไทย ปลื้มสามารถช่วยผลักดันออกสู่ตลาดต่างประเทศได้ โดยใช้ประโยชน์จากการลดภาษีเอฟทีเอทั้งอาเซียนและจีน มอบกรมเจรจาฯ เดินหน้าหนุนผู้ประกอบการรายอื่นใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอส่งออกเพิ่ม
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2562 ที่ผ่านมาได้นำคณะลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีเพื่อพบหารือกับผู้ประกอบการโคนมของไทยที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ “จัดทัพโคนมไทย บุกตลาดต่างประเทศด้วยเอฟทีเอ” ซึ่งกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจัดขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพนมและผลิตภัณฑ์นมแปรรูปของไทยให้พร้อมแข่งขันได้ในยุคการค้าเสรี และใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอที่ไทยทำกับประเทศต่างๆ เพื่อขยายตลาดส่งออกนมและผลิตภัณฑ์นมแปรรูปของไทยไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอาเซียนและจีน
การลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีครั้งนี้ได้ไปเยี่ยมชมโรงเลี้ยงโคนมของบริษัท แมรี่แอนด์แดรี่ โปรดักส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายนมและผลิตภัณฑ์นมแปรรูป และได้เข้าร่วมโครงการกับกรมเจรจาฯ พบว่า บริษัทให้ความสําคัญต่อการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การเลือกสรร ควบคุมปริมาณ และคุณภาพของอาหารสัตว์ที่ใช้เลี้ยงวัว การสอดแทรกนวัตกรรมในการพัฒนาสินค้าของบริษัทให้มีจุดเด่นและสนองความต้องการของตลาด โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความต้องการพิเศษ เช่น นมสำหรับผู้แพ้น้ำตาลแลคโตสในน้ำนม ซึ่งมีส่วนช่วยให้สามารถขยายการส่งออกสินค้านมไปในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดที่ต้องการสินค้าเฉพาะ และสินค้าพรีเมียม
ทั้งนี้ ผลจากการที่ผู้ประกอบการได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ เริ่มตั้งแต่การอบรมบูทแคมป์ในเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการส่งออกโดยใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ ตลอดจนเดินทางไปสำรวจตลาดและจับคู่ธุรกิจกับผู้นำเข้าของจีนและสิงคโปร์ ปรากฏว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก สามารถจับคู่ธุรกิจ และขยายการส่งออกไปจีนและสิงคโปร์ได้เพิ่มขึ้น เพราะทั้ง 2 ประเทศได้ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้านมของไทยภายใต้ความตกลงเอฟทีเอแล้ว จึงได้มอบนโยบายให้กรมเจรจาฯ เร่งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการโคนมของไทยสามารถขยายตลาดสู่ต่างประเทศ โดยใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ยังได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามสัญญาระหว่างบริษัท แมรี่แอนด์แดรี่ โปรดักส์ จำกัด กับบริษัท Delaval Export AB ของประเทศสวีเดน ซึ่งมีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยีการเลี้ยงโคนมสมัยใหม่และเป็นที่ยอมรับในภูมิภาคยุโรป ในการบุกเบิกนำเข้าเทคโนโลยีการเลี้ยงโคนมแบบ Smart Farming ผ่านโปรแกรมการจัดการฟาร์มโคนมให้มีประสิทธิภาพด้วยระบบเดลโปร์ (Delpro Herd Management) เข้าสู่ภาคโคนมเป็นแห่งแรกในอาเซียน ซึ่งระบบนี้มาพร้อมชุดสมองกลอัจฉริยะไมโครโปรเซสเซอร์ ควบคุมข้อมูลฟาร์มได้ในหน้าเดียว ช่วยให้เกษตรกรสามารถตรวจสอบพฤติกรรมโคทุกตัวได้พร้อมกัน ทั้งในเรื่องอัตราผลผลิตน้ำนม ตรวจสอบการไหลของน้ำนม คุณภาพน้ำนมดิบ สุขภาพโค ประวัติการรักษา ข้อมูลยา การคัดแยกโคที่ป่วย การกินอาหาร การจับสัด และการตั้งท้อง โดยเชื่อมต่อระบบมือถือ Smart Phone หรือคอมพิวเตอร์ได้ถึง 99 เครื่องพร้อมกัน และมีระบบรักษาความปลอดภัยด้าน IT รองรับให้อีกด้วย
ในช่วง 9 เดือนของปี 2562 (ม.ค.-ก.ย.) มูลค่าการส่งออกนมและนมแปรรูปของไทยอยู่ที่ 410.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.9% สินค้าส่งออกหลัก คือ โยเกิร์ต บัตเตอร์มิลค์ นมและครีม โดยคู่ค้าหลักยังคงเป็นประเทศในแถบอาเซียน เช่น กัมพูชา เพิ่ม 19.4% ฟิลิปปินส์ เพิ่ม 26.3% และสิงคโปร์ เพิ่ม 6.9% รวมทั้งฮ่องกงและจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีความตกลงเอฟทีเอกับไทยและได้ลดภาษีนำเข้าสินค้านมโคและผลิตภัณฑ์นมโคแปรรูปให้กับไทยแล้ว