Youtube :Travel MGR
ลมหนาวพัดมาแม้เพียงบางเบา แต่ก็ทำเอาหลายคนใจสั่น อยากลางานแล้วเก็บกระเป๋าออกไปเที่ยวรับลมหนาวกันเสียเดี๋ยวนั้น
สำหรับคนกรุงหรือใกล้กรุงที่อยากไปเที่ยวแต่มีเวลาไม่มาก หรืออยากไปสัมผัสความเย็นแต่ก็ไม่อยากเดินทางไปไกลๆ วันนี้เรามีแหล่งท่องเที่ยวใน 6 จังหวัดภาคกลางที่มีลมหนาวพัดผ่านมาให้ได้ชื่นใจกัน แถมยังสามารถเดินทางไปได้สะดวกและมีความสวยงามไม่แพ้ที่อื่นๆ แม้จะไม่หนาวปากสั่นเหมือนบนยอดดอยในภาคเหนือหรืออีสาน แต่เชื่อว่าจะได้รับความเย็นให้ชื่นฉ่ำหัวใจได้ไม่น้อยเลย
“ปราจีนบุรี”
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวรับลมหนาวใกล้กรุงในภาคกลาง หลายคนมักจะนึกถึง "เขาใหญ่" หรือ "อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่" เป็นอันดับแรกๆ โดยเขาใหญ่มีพื้นที่ครอบคลุมหลายจังหวัดคือนครราชสีมา สระบุรี นครนายก รวมถึง "ปราจีนบุรี" ด้วย
เขาใหญ่ขึ้นชื่อเรื่องความหนาวเย็น แม้จะเป็นฤดูร้อนแต่อากาศบนเขาก็ยังเย็นสบาย ยิ่งเป็นหน้าหนาวแบบนี้ก็รับรองว่าต้องได้รับลมหนาวสัมผัส
สำหรับจุดท่องเที่ยวบนเขาใหญ่นั้นก็สามารถท่องเที่ยวได้หลายจุด ไม่ว่าจะเป็นการกางเต็นท์แคมปิ้งกันที่จุดกางเต็นท์ผากล้วยไม้ หรือจุดกางเต็นท์ลำตะคอง เที่ยวชมทิวทัศน์ผาเดียวดาย ผาตรอมใจ ไปรับความชุ่มฉ่ำของน้ำตกเหวนรก เหวสุวัต เดินเที่ยวในเส้นทางศึกษาธรรมชาติ หรือจะแค่มานอนพักในรีสอร์ทที่มีอยู่มากมายรอบๆ เขาใหญ่ ก็เชื่อว่าจะได้พบลมหนาวได้ไม่ยากเลย
"สุพรรณบุรี"
หลายคนคงนึกไม่ออกว่าสุพรรณบุรีมีจุดรับลมหนาวที่ไหน เพราะอาจยังไม่รู้ว่าที่สุพรรณมี “อุทยานแห่งชาติพุเตย” อยู่ในพื้นที่อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี และยิ่งต้องทึ่งเมื่อรู้ว่าที่นี่มีอากาศหนาวเย็นจนมีป่าสนสองใบธรรมชาติอีกด้วย
ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบป่าสนอยู่บนเขา แต่ป่าสนสองใบที่อุทยานแห่งชาติพุเตยนี้แปลกกว่าใครตรงที่ตามปกติแล้วต้นสนสองใบจะเติบโตในพื้นที่ที่มีระดับความสูง 1,000 เมตรขึ้นไปจากระดับน้ำทะเล แต่พื้นที่ในอุทยานฯ พุเตยที่มีป่าสนสองใบนี้อยู่ในระดับความสูงเพียง 763 เมตรเท่านั้น แต่เนื่องจากสภาพอากาศของที่นี่ค่อนข้างเย็นตลอดปีจึงเหมาะแก่การเจริญเติบโตของต้นสน แถมยังเติบโตได้ดีจนได้รับเลือกให้เป็นศูนย์แม่พันธุ์ไม้สนสองใบเพียงแห่งเดียวของภาคกลางอีกด้วย
ไม่เพียงป่าสนเท่านั้น ที่อุทยานฯ พุเตย สุพรรณบุรีก็ยังมีจุดชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ ให้ชมกันที่ “ยอดเขาเทวดา” ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของอุทยานฯ มีระดับความสูง 1,123 เมตรจากระดับน้ำทะเล ที่นี่มีอากาศเย็นสบายตลอดปี และในวันที่สภาพอากาศเหมาะสมก็จะเห็นหมอกขาวลอยอ้อยอิ่งอยู่ตามไหล่เขาเป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก
ทั้งนี้นักท่องเที่ยวที่อยากมาชมความงามและสัมผัสความหนาวที่อุทยานฯ พุเตยสามารถมาพักค้างกางเต็นท์และเดินเที่ยวชมในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าสนสองใบ ชมศาลเลาด้าซึ่งเป็นจุดที่เครื่องบินของสายการบินเลาด้าแอร์ประสบอุบัติเหตุตกเมื่อปี 2534 รวมถึงเที่ยวชมน้ำตกและถ้ำต่างๆ ภายในอุทยานด้วย แต่จะต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อในการเดินทางภายในอุทยาน (จากที่ทำการไปสู่ป่าสน หรือจากที่ทำการไปยังจุดเดินเท้าสู่ยอดเขาเทวดา)
"เพชรบุรี"
เพชรบุรีไม่ได้มีดีแค่ทะเลเท่านั้น แต่ยังมีพื้นที่ป่าไม้อุดมสมบูรณ์โดยเป็นที่ตั้งของ "อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน" ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่มากที่สุดในไทย มีพื้นที่ครอบคลุมจังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ เป็นผืนป่ากว้างใหญ่ที่มีความสมบูรณ์และหลากหลาย มีทั้งส่วนที่เป็นพื้นที่ป่าเหนือเขื่อนและส่วนที่เป็นอ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจาน และยังเป็นต้นน้ำของแม่น้ำเพชรบุรีและแม่น้ำปราณบุรี
ปกติแล้วเมื่อเข้าสู่เดือนพฤศจิกายนจะเป็นช่วงที่อุทยานฯ แก่งกระจานเปิดให้นักท่องเที่ยวขับรถขึ้นไปเที่ยวชม "เขาพะเนินทุ่ง" โดยด้านบนนั้นมีอากาศเย็นตลอดปี มีทั้งทะเลหมอกและจุดชมทิวทัศน์วิวที่สวยงาม แต่ในขณะนี้ทางอุทยานฯ ยังคงปิดการท่องเที่ยวบนเขาพะเนินทุ่งแบบไม่มีกำหนด แต่เราก็ยังสามารถสัมผัสกับอากาศเย็นๆ กันได้ที่บริเวณ “แคมป์บ้านกร่าง” (ทางขึ้นสู่พะเนินทุ่ง) โดยที่นี่จะมีลานกางเต็นท์ท่ามกลางป่าเขา มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ เป็นจุดดูนกและดูผีเสื้อ เป็นที่ชื่นชอบของผู้นิยมไพรเป็นอย่างมาก
หรือใครจะไปรับลมเย็นกางเต็นท์บริเวณอ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจานก็ได้เช่นกัน โดยมีกิจกรรมท่องเที่ยวอย่างการล่องเรือชมทิวทัศน์ เดินเล่นถ่ายภาพกับสะพานแขวน และชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นท่ามกลางเทือกเขาตะนาวศรี
“กาญจนบุรี”
หากอยากจะรับลมหนาวที่เมืองกาญจน์ ขอแนะนำให้เดินทางมาทางชายแดนแถบๆ อำเภอทองผาภูมิ หรืออำเภอสังขละบุรีที่ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยภูเขา ป่าไม้ และสายน้ำ
โดยในอำเภอทองผาภูมิ สามารถแวะเที่ยวชม "อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ" ซึ่งเป็นจุดกางเต็นท์และจุดชมทิวทัศน์ของเขื่อนเขาแหลมพร้อมทั้งรับอากาศเย็นๆ ที่นี่ได้ด้วย หรือจะมาเที่ยวที่ “ปิล็อก-อีต่อง” ซึ่งเป็นเมืองแห่งเหมืองอันรุ่งโรจน์ในอดีต ที่แต่เดิมองค์การเหมืองแร่ได้ก่อตั้งเหมืองปิล๊อกขึ้นเป็นแห่งแรกที่บ้านอีต่อง ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ ตั้งแต่ปี 2483 และหลังจากนั้นก็ได้มีเหมืองแร่อื่นๆ ทยอยเปิดตามกันมาอีกมากมายจนปิล็อกกลางเป็นเมืองแห่งเหมือง แต่ภายหลังที่ราคาแร่โลกตกต่ำเมื่อปี 2528 ส่งผลให้เหมืองต่างๆ ก็ทยอยปิดตัวลง
ปัจจุบันเรื่องราวของเหมืองปิล็อกที่บ้านอีต่องก็ยังคงเป็นเรื่องเล่าขาน แต่สิ่งที่เป็นที่รู้จักมากกว่าคือการเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีอากาศเย็นสบาย มีมนต์เสน่ห์แห่งความเรียบง่ายและงดงาม โดยในหมู่บ้านอีต่องยังคงสภาพบ้านเรือนไม้ในชุมชนเล็กๆ น่ารัก มีย่านร้านตลาด โรงเรียน โรงหนังเก่า ซึ่งบ้านในชุมชนส่วนหนึ่งก็ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นเกสต์เฮาส์หรือโรงแรมเล็กๆ รองรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน
ส่วนใครที่อยากรับอากาศเย็นและชื่นชอบการท่องเที่ยวแนววิถีชีวิตก็ขอแนะนำอำเภอสังขละบุรี เมืองชายแดนที่ล้อมรอบด้วยขุนเขาและป่าไม้เขียวขจี ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ผสมผสานชาติพันธุ์ต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน คือชาวไทยและชาวมอญที่อพยพย้ายถิ่นฐานมาจากฝั่งพม่า
จุดท่องเที่ยวไฮไลท์ของสังขละบุรีก็คือ “สะพานอุตตมานุสรณ์” หรือ “สะพานมอญ” สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในไทยที่ทอดข้ามแม่น้ำซองกาเลีย แนะนำให้ตื่นแต่เช้าเพื่อมาใส่บาตรหรือชมภาพความศรัทธาของชาวมอญที่มารอใส่บาตรพระสงฆ์บริเวณใกล้กับสะพานมอญซึ่งเป็นภาพที่น่าชมยิ่งนัก และอย่าลืมไปไหว้พระและเที่ยวชมความงามของวัดวังก์วิเวการาม (หลังใหม่) และนั่งเรือล่องไปชมวัดวังก์วิเวการาม (หลังเก่า) ที่จมอยู่ในสายน้ำกันด้วย
“ราชบุรี”
ที่อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองชายแดนอากาศดีที่นักท่องเที่ยวอยากไปเยือนเป็นจำนวนมากในทุกๆ หน้าหนาว เพราะที่นี่มีครบทั้งอากาศที่เย็นสบาย ทิวทัศน์งดงาม มีโรงแรมรีสอร์ทน่ารักๆ รวมถึงมีแหล่งท่องเที่ยวพร้อมรองรับมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “เดอะ ซีนเนอรี่ วินเทจ ฟาร์ม” หมู่บ้านชาวไร่สไตล์อังกฤษแบบวินเทจบรรยากาศเก๋ๆ “บ้านหอมเทียน” ร้านขายเทียนหอมทําเองที่มีเทียนหอมหลากหลายรูปแบบน่าซื้อ “ตลาดน้ำสวนผึ้ง เวเนโต้” สถานที่ท่องเที่ยว ที่จำลองสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของโทนสีขาวตัดน้ำเงิน จากเกาะซานโตรินี ประเทศกรีซ มาให้ได้เดินเที่ยวชมบรรยากาศ
หรือถ้าใครชอบสไตล์ธรรมชาติก็ขอแนะนำให้มาที่ “เขากระโจม” ยอดเขาสูงสุดแห่งเทือกเขาตะนาวศรีบนเขตชายแดนไทย-เมียนมา ที่อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นภูเขาสลับซับซ้อนทั้งฝั่งไทยและเมียนมา มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี แถมยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม และในวันที่สภาพอากาศเหมาะสมก็จะมีทะเลหมอกให้ชมกันอีกด้วย โดยนักท่องเที่ยวสามารถมากางเต็นท์พักแรมกันได้ โดยการขึ้นมายังจุดกางเต็นท์นั้นจะต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้นเพราะเส้นทางค่อนข้างชัน สามารถนำรถมาจอดที่ปากทางขึ้นแล้วเหมารถกระบะขึ้นไปด้านบนได้
"สระบุรี"
ปิดท้ายสถานที่รับอากาศหนาวในภาคกลางที่สระบุรี เราขอแนะนำให้มาเที่ยว “อำเภอมวกเหล็ก” จ.สระบุรี อำเภอที่ให้บรรยากาศของความเป็นเมืองแห่งฟาร์มที่ยังอุดมสมบูรณ์ แถมยังมีอากาศเย็นสบายและมากมายไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงเกษตร
หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่อยากแนะนำในอำเภอมวกเหล็กก็คือ “องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย” (อ.ส.ค.) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค” ที่มีผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คผลิตและจำหน่ายอยู่ที่ฟาร์มแห่งนี้นี่เอง นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมวิธีการผลิตน้ำนมตั้งแต่ขั้นตอนการเลี้ยงโคนมไปจนถึงการแปรรูปน้ำนม และภายในฟาร์มยังมีทิวทัศน์ที่สวยงามถ่ายรูปสนุกอีกด้วย
หรือถ้าใครอยากชมฟาร์มดอกไม้สวยๆ ก็มีสวนดอกเบญจมาศที่สวนบิ๊กเต้ที่ตอนนี้กำลังบานสวย ถ่ายรูปกันได้อย่างสนุกสนาน ส่วนในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม ทุ่งดอกทานตะวันก็จะเริ่มเบ่งบานอย่างเริงร่าให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายรูปกัน
นอกจากนั้นในอำเภอมวกเหล็กยังมีน้ำตกใสไหลเย็นให้เที่ยวอีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น อาทิ น้ำตกเจ็ดสาวน้อย น้ำตกมวกเหล็ก น้ำตกดงพญาเย็น เป็นต้น
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR
ลมหนาวพัดมาแม้เพียงบางเบา แต่ก็ทำเอาหลายคนใจสั่น อยากลางานแล้วเก็บกระเป๋าออกไปเที่ยวรับลมหนาวกันเสียเดี๋ยวนั้น
สำหรับคนกรุงหรือใกล้กรุงที่อยากไปเที่ยวแต่มีเวลาไม่มาก หรืออยากไปสัมผัสความเย็นแต่ก็ไม่อยากเดินทางไปไกลๆ วันนี้เรามีแหล่งท่องเที่ยวใน 6 จังหวัดภาคกลางที่มีลมหนาวพัดผ่านมาให้ได้ชื่นใจกัน แถมยังสามารถเดินทางไปได้สะดวกและมีความสวยงามไม่แพ้ที่อื่นๆ แม้จะไม่หนาวปากสั่นเหมือนบนยอดดอยในภาคเหนือหรืออีสาน แต่เชื่อว่าจะได้รับความเย็นให้ชื่นฉ่ำหัวใจได้ไม่น้อยเลย
“ปราจีนบุรี”
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวรับลมหนาวใกล้กรุงในภาคกลาง หลายคนมักจะนึกถึง "เขาใหญ่" หรือ "อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่" เป็นอันดับแรกๆ โดยเขาใหญ่มีพื้นที่ครอบคลุมหลายจังหวัดคือนครราชสีมา สระบุรี นครนายก รวมถึง "ปราจีนบุรี" ด้วย
เขาใหญ่ขึ้นชื่อเรื่องความหนาวเย็น แม้จะเป็นฤดูร้อนแต่อากาศบนเขาก็ยังเย็นสบาย ยิ่งเป็นหน้าหนาวแบบนี้ก็รับรองว่าต้องได้รับลมหนาวสัมผัส
สำหรับจุดท่องเที่ยวบนเขาใหญ่นั้นก็สามารถท่องเที่ยวได้หลายจุด ไม่ว่าจะเป็นการกางเต็นท์แคมปิ้งกันที่จุดกางเต็นท์ผากล้วยไม้ หรือจุดกางเต็นท์ลำตะคอง เที่ยวชมทิวทัศน์ผาเดียวดาย ผาตรอมใจ ไปรับความชุ่มฉ่ำของน้ำตกเหวนรก เหวสุวัต เดินเที่ยวในเส้นทางศึกษาธรรมชาติ หรือจะแค่มานอนพักในรีสอร์ทที่มีอยู่มากมายรอบๆ เขาใหญ่ ก็เชื่อว่าจะได้พบลมหนาวได้ไม่ยากเลย
"สุพรรณบุรี"
หลายคนคงนึกไม่ออกว่าสุพรรณบุรีมีจุดรับลมหนาวที่ไหน เพราะอาจยังไม่รู้ว่าที่สุพรรณมี “อุทยานแห่งชาติพุเตย” อยู่ในพื้นที่อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี และยิ่งต้องทึ่งเมื่อรู้ว่าที่นี่มีอากาศหนาวเย็นจนมีป่าสนสองใบธรรมชาติอีกด้วย
ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบป่าสนอยู่บนเขา แต่ป่าสนสองใบที่อุทยานแห่งชาติพุเตยนี้แปลกกว่าใครตรงที่ตามปกติแล้วต้นสนสองใบจะเติบโตในพื้นที่ที่มีระดับความสูง 1,000 เมตรขึ้นไปจากระดับน้ำทะเล แต่พื้นที่ในอุทยานฯ พุเตยที่มีป่าสนสองใบนี้อยู่ในระดับความสูงเพียง 763 เมตรเท่านั้น แต่เนื่องจากสภาพอากาศของที่นี่ค่อนข้างเย็นตลอดปีจึงเหมาะแก่การเจริญเติบโตของต้นสน แถมยังเติบโตได้ดีจนได้รับเลือกให้เป็นศูนย์แม่พันธุ์ไม้สนสองใบเพียงแห่งเดียวของภาคกลางอีกด้วย
ไม่เพียงป่าสนเท่านั้น ที่อุทยานฯ พุเตย สุพรรณบุรีก็ยังมีจุดชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ ให้ชมกันที่ “ยอดเขาเทวดา” ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของอุทยานฯ มีระดับความสูง 1,123 เมตรจากระดับน้ำทะเล ที่นี่มีอากาศเย็นสบายตลอดปี และในวันที่สภาพอากาศเหมาะสมก็จะเห็นหมอกขาวลอยอ้อยอิ่งอยู่ตามไหล่เขาเป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก
ทั้งนี้นักท่องเที่ยวที่อยากมาชมความงามและสัมผัสความหนาวที่อุทยานฯ พุเตยสามารถมาพักค้างกางเต็นท์และเดินเที่ยวชมในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าสนสองใบ ชมศาลเลาด้าซึ่งเป็นจุดที่เครื่องบินของสายการบินเลาด้าแอร์ประสบอุบัติเหตุตกเมื่อปี 2534 รวมถึงเที่ยวชมน้ำตกและถ้ำต่างๆ ภายในอุทยานด้วย แต่จะต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อในการเดินทางภายในอุทยาน (จากที่ทำการไปสู่ป่าสน หรือจากที่ทำการไปยังจุดเดินเท้าสู่ยอดเขาเทวดา)
"เพชรบุรี"
เพชรบุรีไม่ได้มีดีแค่ทะเลเท่านั้น แต่ยังมีพื้นที่ป่าไม้อุดมสมบูรณ์โดยเป็นที่ตั้งของ "อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน" ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่มากที่สุดในไทย มีพื้นที่ครอบคลุมจังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ เป็นผืนป่ากว้างใหญ่ที่มีความสมบูรณ์และหลากหลาย มีทั้งส่วนที่เป็นพื้นที่ป่าเหนือเขื่อนและส่วนที่เป็นอ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจาน และยังเป็นต้นน้ำของแม่น้ำเพชรบุรีและแม่น้ำปราณบุรี
ปกติแล้วเมื่อเข้าสู่เดือนพฤศจิกายนจะเป็นช่วงที่อุทยานฯ แก่งกระจานเปิดให้นักท่องเที่ยวขับรถขึ้นไปเที่ยวชม "เขาพะเนินทุ่ง" โดยด้านบนนั้นมีอากาศเย็นตลอดปี มีทั้งทะเลหมอกและจุดชมทิวทัศน์วิวที่สวยงาม แต่ในขณะนี้ทางอุทยานฯ ยังคงปิดการท่องเที่ยวบนเขาพะเนินทุ่งแบบไม่มีกำหนด แต่เราก็ยังสามารถสัมผัสกับอากาศเย็นๆ กันได้ที่บริเวณ “แคมป์บ้านกร่าง” (ทางขึ้นสู่พะเนินทุ่ง) โดยที่นี่จะมีลานกางเต็นท์ท่ามกลางป่าเขา มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ เป็นจุดดูนกและดูผีเสื้อ เป็นที่ชื่นชอบของผู้นิยมไพรเป็นอย่างมาก
หรือใครจะไปรับลมเย็นกางเต็นท์บริเวณอ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจานก็ได้เช่นกัน โดยมีกิจกรรมท่องเที่ยวอย่างการล่องเรือชมทิวทัศน์ เดินเล่นถ่ายภาพกับสะพานแขวน และชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นท่ามกลางเทือกเขาตะนาวศรี
“กาญจนบุรี”
หากอยากจะรับลมหนาวที่เมืองกาญจน์ ขอแนะนำให้เดินทางมาทางชายแดนแถบๆ อำเภอทองผาภูมิ หรืออำเภอสังขละบุรีที่ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยภูเขา ป่าไม้ และสายน้ำ
โดยในอำเภอทองผาภูมิ สามารถแวะเที่ยวชม "อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ" ซึ่งเป็นจุดกางเต็นท์และจุดชมทิวทัศน์ของเขื่อนเขาแหลมพร้อมทั้งรับอากาศเย็นๆ ที่นี่ได้ด้วย หรือจะมาเที่ยวที่ “ปิล็อก-อีต่อง” ซึ่งเป็นเมืองแห่งเหมืองอันรุ่งโรจน์ในอดีต ที่แต่เดิมองค์การเหมืองแร่ได้ก่อตั้งเหมืองปิล๊อกขึ้นเป็นแห่งแรกที่บ้านอีต่อง ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ ตั้งแต่ปี 2483 และหลังจากนั้นก็ได้มีเหมืองแร่อื่นๆ ทยอยเปิดตามกันมาอีกมากมายจนปิล็อกกลางเป็นเมืองแห่งเหมือง แต่ภายหลังที่ราคาแร่โลกตกต่ำเมื่อปี 2528 ส่งผลให้เหมืองต่างๆ ก็ทยอยปิดตัวลง
ปัจจุบันเรื่องราวของเหมืองปิล็อกที่บ้านอีต่องก็ยังคงเป็นเรื่องเล่าขาน แต่สิ่งที่เป็นที่รู้จักมากกว่าคือการเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีอากาศเย็นสบาย มีมนต์เสน่ห์แห่งความเรียบง่ายและงดงาม โดยในหมู่บ้านอีต่องยังคงสภาพบ้านเรือนไม้ในชุมชนเล็กๆ น่ารัก มีย่านร้านตลาด โรงเรียน โรงหนังเก่า ซึ่งบ้านในชุมชนส่วนหนึ่งก็ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นเกสต์เฮาส์หรือโรงแรมเล็กๆ รองรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน
ส่วนใครที่อยากรับอากาศเย็นและชื่นชอบการท่องเที่ยวแนววิถีชีวิตก็ขอแนะนำอำเภอสังขละบุรี เมืองชายแดนที่ล้อมรอบด้วยขุนเขาและป่าไม้เขียวขจี ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ผสมผสานชาติพันธุ์ต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน คือชาวไทยและชาวมอญที่อพยพย้ายถิ่นฐานมาจากฝั่งพม่า
จุดท่องเที่ยวไฮไลท์ของสังขละบุรีก็คือ “สะพานอุตตมานุสรณ์” หรือ “สะพานมอญ” สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในไทยที่ทอดข้ามแม่น้ำซองกาเลีย แนะนำให้ตื่นแต่เช้าเพื่อมาใส่บาตรหรือชมภาพความศรัทธาของชาวมอญที่มารอใส่บาตรพระสงฆ์บริเวณใกล้กับสะพานมอญซึ่งเป็นภาพที่น่าชมยิ่งนัก และอย่าลืมไปไหว้พระและเที่ยวชมความงามของวัดวังก์วิเวการาม (หลังใหม่) และนั่งเรือล่องไปชมวัดวังก์วิเวการาม (หลังเก่า) ที่จมอยู่ในสายน้ำกันด้วย
“ราชบุรี”
ที่อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองชายแดนอากาศดีที่นักท่องเที่ยวอยากไปเยือนเป็นจำนวนมากในทุกๆ หน้าหนาว เพราะที่นี่มีครบทั้งอากาศที่เย็นสบาย ทิวทัศน์งดงาม มีโรงแรมรีสอร์ทน่ารักๆ รวมถึงมีแหล่งท่องเที่ยวพร้อมรองรับมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “เดอะ ซีนเนอรี่ วินเทจ ฟาร์ม” หมู่บ้านชาวไร่สไตล์อังกฤษแบบวินเทจบรรยากาศเก๋ๆ “บ้านหอมเทียน” ร้านขายเทียนหอมทําเองที่มีเทียนหอมหลากหลายรูปแบบน่าซื้อ “ตลาดน้ำสวนผึ้ง เวเนโต้” สถานที่ท่องเที่ยว ที่จำลองสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของโทนสีขาวตัดน้ำเงิน จากเกาะซานโตรินี ประเทศกรีซ มาให้ได้เดินเที่ยวชมบรรยากาศ
หรือถ้าใครชอบสไตล์ธรรมชาติก็ขอแนะนำให้มาที่ “เขากระโจม” ยอดเขาสูงสุดแห่งเทือกเขาตะนาวศรีบนเขตชายแดนไทย-เมียนมา ที่อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นภูเขาสลับซับซ้อนทั้งฝั่งไทยและเมียนมา มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี แถมยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม และในวันที่สภาพอากาศเหมาะสมก็จะมีทะเลหมอกให้ชมกันอีกด้วย โดยนักท่องเที่ยวสามารถมากางเต็นท์พักแรมกันได้ โดยการขึ้นมายังจุดกางเต็นท์นั้นจะต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้นเพราะเส้นทางค่อนข้างชัน สามารถนำรถมาจอดที่ปากทางขึ้นแล้วเหมารถกระบะขึ้นไปด้านบนได้
"สระบุรี"
ปิดท้ายสถานที่รับอากาศหนาวในภาคกลางที่สระบุรี เราขอแนะนำให้มาเที่ยว “อำเภอมวกเหล็ก” จ.สระบุรี อำเภอที่ให้บรรยากาศของความเป็นเมืองแห่งฟาร์มที่ยังอุดมสมบูรณ์ แถมยังมีอากาศเย็นสบายและมากมายไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงเกษตร
หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่อยากแนะนำในอำเภอมวกเหล็กก็คือ “องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย” (อ.ส.ค.) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค” ที่มีผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คผลิตและจำหน่ายอยู่ที่ฟาร์มแห่งนี้นี่เอง นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมวิธีการผลิตน้ำนมตั้งแต่ขั้นตอนการเลี้ยงโคนมไปจนถึงการแปรรูปน้ำนม และภายในฟาร์มยังมีทิวทัศน์ที่สวยงามถ่ายรูปสนุกอีกด้วย
หรือถ้าใครอยากชมฟาร์มดอกไม้สวยๆ ก็มีสวนดอกเบญจมาศที่สวนบิ๊กเต้ที่ตอนนี้กำลังบานสวย ถ่ายรูปกันได้อย่างสนุกสนาน ส่วนในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม ทุ่งดอกทานตะวันก็จะเริ่มเบ่งบานอย่างเริงร่าให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายรูปกัน
นอกจากนั้นในอำเภอมวกเหล็กยังมีน้ำตกใสไหลเย็นให้เที่ยวอีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น อาทิ น้ำตกเจ็ดสาวน้อย น้ำตกมวกเหล็ก น้ำตกดงพญาเย็น เป็นต้น
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR