นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ว่า จากการติดตามความคืบหน้าการพัฒนาระบบตั๋วร่วม และบัตรแมงมุมเพื่อให้ใช้งานผ่านบัตร EMV (Euro/ Master/ Visa Card) ซึ่งพบว่ายังมีความล่าช้าเนื่องจากต้องใช้เวลาในการพัฒนาอีกประมาณ 18 เดือน ดังนั้น คณะกรรมการจึงมีแนวคิดในการเร่งรัดการใช้ระบบตั๋วร่วมให้ได้ก่อน โดยผ่านบัตรรถไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน 4 ราย ซึ่งพบว่ามีผู้ถือบัตรแรบบิท (รถไฟฟ้าบีทีเอส) ประมาณ 12.2 ล้านใบ ถือบัตร MRT Plus (รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสีม่วง) จำนวน 2 ล้านใบ ถือบัตรแมงมุมจำนวน 2 แสนใบ และบัตรรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์อีกจำนวนหนึ่ง เป้าหมายให้ทุกบัตรที่มีอยู่นี้สามารถใช้ข้ามระบบได้ ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารสะดวกมากขึ้น
ที่ประชุมได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เร่งหารือการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS และบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ใน 2 ประเด็น คือ 1. การปรับปรุงระบบหัวอ่าน (Reader) และระบบที่เกี่ยวข้องของแต่ละผู้ให้บริการเพื่อให้สามารถรองรับการใช้งานของบัตรข้ามระบบได้ว่าจะใช้ระยะเวลานานแค่ไหน 2. ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงเท่าไร และใครเป็นผู้รับชอบ โดยให้เวลา 2 สัปดาห์ สรุปรายละเอียดเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการฯ พิจารณาตัดสินใจ
ทั้งนี้ หากการปรับปรุงใช้เวลาประมาณ 6 เดือน และเปรียบเทียบกับค่าลงทุนแล้วคุ้มค่า จะเร่งให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการ ซึ่งเบื้องต้นผู้บริหารรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งมีผู้ถือบัตรรถไฟฟ้ามากที่สุด รับทราบหลักการแนวทางการใช้บัตรข้ามระบบ โดยเห็นว่าจะเป็นประโยชน์กับประชาชน
“แนวคิดนี้คือจะให้ผู้ถือบัตรรถไฟฟ้าที่มีอยู่แล้วสามารถใช้รถไฟฟ้าได้ทุกสาย เช่น บัตรแรบบิทใช้ขึ้น MRT หรือแอร์พอร์ตลิงก์ได้ ส่วนบัตร MRT Plus ของ รฟม.ใช้เงินบีทีเอส แอร์พอร์ตลิงก์ได้ เป็นต้น ไม่ต้องแยกซื้อบัตรแต่ละสาย เพราะเห็นว่าจะใช้เวลาปรับปรุงระบบเร็วกว่า ซึ่งนอกจากปรับหัวอ่านแล้ว จะมีระบบหักบัญชีหลังบ้านด้วย ซึ่ง สนข.ต้องไปทำการบ้าน โดยรูปแบบนี้จะเหมือนการที่ระบบทางด่วนและมอเตอร์เวย์สามารถใช้บัตร Easy Pass ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และบัตร M-Pass ของกรมทางหลวง ใช้ข้ามระบบกันได้”
ส่วนระบบตั๋วร่วมแมงมุมที่ รฟม.อยู่ระหว่างร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในการพัฒนาใช้งานผ่านบัตร EMV (Euro/ Master/ Visa Card) นั้น รฟม.จะต้องเร่งเสนอบอร์ด ซึ่งระบบตั๋วร่วมแมงมุมเป็น National Common Ticketing System หรือระบบกลาง ที่บัตรใบเดียวขึ้นรถไฟฟ้าได้ทุกสายเช่นกัน โดยใช้ผ่านบัตรเครดิต เดบิต ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานว่าปัจจุบันมีคนไทยถือบัตรเครดิต เดบิต รวม 90 ล้านใบ และถือบัตรในระบบพร้อมเพย์ e-Money ประมาณ 80 ล้านใบ
อย่างไรก็ตาม เมื่อ รฟม.พัฒนาระบบตั๋วร่วมแมงมุม EMV เสร็จ จะเป็นอีกทางเลือกให้ประชาชน ส่วนบัตรรถไฟฟ้าเดิม ทั้ง แรบบิท, MRT plus ซึ่งเป็นบัตรแบบเติมเงิน ยังใช้งานได้เหมือนเดิมอยู่ที่ความสะดวก ซึ่งข้อมูลจากต่างประเทศที่มีการพัฒนาระบบบัตร EMV จะมีสัดส่วนประมาณ 70% ส่วนบัตรรถไฟฟ้าแบบเดิม ประมาณ 30% เนื่องจากบัตร 2 แบบมีรูปแบบในการทำการตลาดที่ต่างกัน ขึ้นกับผู้ประกอบการแต่ละรายจะทำโปรโมชันอย่างไร โดยเฉพาะบัตรแบบเดิมจะมีการให้ส่วนลดได้หลากหลาย เช่น บัตรรายเดือน บัตรผู้สูงอายุ หรือบัตรสำหรับนักท่องเที่ยว