“สนธิรัตน์” แจ้งข่าวดี อินโดฯ จ่อยกเลิกห้ามนำเข้าลำไยไทย

“สนธิรัตน์” เผยอินโดนีเซียทำหนังสือแจ้งเตรียมยกเลิกห้ามนำเข้าลำไยจากไทย ชี้เป็นผลดีมีตลาดรองรับเพิ่มขึ้น แม้ก่อนหน้าจะแก้ปัญหาลำไยราคาตกไปแล้ว แต่ไทยยังไม่หยุดห้ามนำเข้ามะพร้าว 3 เดือน ขอความร่วมมือผู้ประกอบการดำเนินการต่อ ช่วยดึงราคาในประเทศ

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อต้นสัปดาห์ได้รับหนังสือจากรัฐมนตรีเกษตรของอินโดนีเซีย แจ้งมาว่าเตรียมยกเลิกการใช้มาตรการจำกัดการนำเข้าพืชสวนปี 2561 ที่กำหนดพืชสวนที่สามารถนำเข้าอินโดนีเซียได้ในเดือนต่างๆ จะต้องไม่ตรงกับฤดูกาลผลไม้ของอินโดนีเซีย ซึ่งมีสินค้าไทยจำนวน 3 รายการอยู่ในรายการห้ามนำเข้า คือ ลำไย ทุเรียน และหอมแดง โดยหนังสือที่ทำมาถึงนั้นระบุว่าจะอนุญาตให้ไทยส่งออกลำไยไปยังอินโดนีเซียได้ ถือเป็นข่าวดีสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกลำไยของไทย

“เราได้แก้ปัญหาลำไยล่วงหน้า โดยได้ตลาดทั้งในประเทศและส่งออก โดยไม่ได้คำนึงว่าจะส่งออกไปอินโดนีเซียได้หรือไม่ได้ จนวันนี้ราคาลำไยดีขึ้น แต่ถ้าส่งออกไปอินโดนีเซียได้เพิ่ม ก็นับเป็นข่าวดีอีก เพราะอินโดนีเซียเป็นตลาดส่งออกสำคัญ ไทยเคยส่งออกได้ประมาณปีละ 2 หมื่นตัน” นายสนธิรัตน์กล่าว

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ส่วนการใช้มาตรการห้ามนำเข้าระยะสั้นมะพร้าว 3 เดือน เพื่อแก้ปัญหาราคาในประเทศตกต่ำ ได้เชิญผู้ประกอบการมาหารือ และผู้ประกอบการยืนยันว่าไม่กระทบ เพราะปีนี้ผลผลิตมะพร้าวมีมาก โดยพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการไม่นำเข้า และยังได้หารือถึงปัญหาการไม่ใช่มะพร้าวในประเทศ ซึ่งได้ข้อมูลว่าเป็นเพราะราคาแพงกว่าราคานำเข้า โดยกระทรวงฯ จะร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าไปช่วยลดต้นทุนการผลิตให้กับผู้ปลูกมะพร้าว เพื่อให้ต้นทุนแข่งขันได้ต่อไป

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศไปตรวจสอบการนำเข้ามะพร้าวย้อนหลังไปจนถึงปี 2560 ว่าผู้ประกอบการที่ขออนุญาตนำเข้ามีการนำเข้าไปใช้ตามที่แจ้งไว้หรือไม่ เพราะพบว่าก่อนหน้านี้มีการนำเข้าสูงเกินจริง ซึ่งหากตรวจสอบพบว่าการนำเข้าไม่ได้นำไปใช้เอง แต่นำไปขายต่อ ก็จะมีมาตรการลงโทษต่อไป เช่น ไม่ออกใบอนุญาตให้นำเข้า เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ตั้งแต่ต้นปี 2561 กระทรวงเกษตรอินโดนีเซียได้ใช้มาตรการจำกัดการนำเข้าพืชสวน โดยห้ามนำเข้าลำไยช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตลำไยของไทยออกมาก คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 700 ล้านบาท ส่วนทุเรียนอนุญาตให้นำเข้าได้เฉพาะเดือน ก.ค. เสียหาย 200 ล้านบาท และหอมแดง ห้ามการนำเข้าตลอดปี เสียหาย 150 ล้านบาท รวมความเสียหายทั้งหมด 1,000 ล้านบาท ไทยจึงได้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้รับทราบถึงแนวทางการห้ามนำเข้ามะพร้าวจากต่างประเทศ 3 เดือน เพื่อแก้ปัญหามะพร้าวราคาตกต่ำ และอีกด้านเป็นการส่งสัญญาณถึงอินโดนีเซียที่มีส่วนแบ่งตลาดมะพร้าวในไทยกว่า 90% รองลงมา คือ เวียดนาม 5% ซึ่งในที่สุดอินโดนีเซียก็ยอมที่จะยกเลิกการใช้มาตรการ ส่วนมาตรการห้ามนำเข้ามะพร้าวของไทยยังคงอยู่ระหว่างการดำเนินการ