“พาณิชย์” จัดงาน “ประชุมมันสำปะหลังนานาชาติ” โชว์ศักยภาพไทยผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอันดับ 1 ของโลก ตั้งเป้าดึงคนวงการมันร่วมงานกว่า 1,000 คน จ่อถกกัมพูชา ลาว เวียดนาม ร่วมมือผลิต ค้าขาย พร้อมหารือจีนวางแผนซื้อขาย เตรียมจัดเวทีระดมสมองหารือทิศทางการผลิต การค้า พร้อมจัดเวทีเจรจาธุรกิจ หวังผลักดันส่งออกมันเพิ่ม คาดปีนี้จะส่งออกไม่ต่ำกว่า 10.6 ล้านตัน
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้กำหนดจัดงานประชุมมันสำปะหลังนานาชาติ (World Tapioca Conference 2018) ครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 27-28 มิ.ย. 2561 โดยได้เชิญผู้ซื้อ ผู้ใช้ ผู้นำเข้า ผู้แทนจากสมาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมมันสำปะหลัง เกษตรกร และผู้บริหารหน่วยงานรัฐบาลจากประเทศต่างๆ เช่น จีน อาเซียน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย ไต้หวัน สหภาพยุโรป (อียู) เป็นต้น รวมถึงสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างชาติเข้าร่วมงาน ตั้งเป้าไว้ประมาณ 1,000-1,500 คน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในมันสำปะหลังของไทยที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับโลก และแสดงศักยภาพในการเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอันดับ 1 ของโลก
ทั้งนี้ ในการจัดงาน กรมฯ จะใช้โอกาสนี้หารือเพื่อวางแผนทำตลาดมันสำปะหลังร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านใน CLV (กัมพูชา สปป.ลาว และเวียดนาม) และผลักดันให้เอกชนหารือในระดับเอกชน เพื่อให้ร่วมมือกันวางแผนการผลิตและการค้าขาย เพราะหากร่วมมือกันได้ก็จะเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่าย และยังจะมีการหารือกับจีนเพื่อวางแผนการซื้อขาย รวมทั้งจะเจรจากับผู้นำเข้ารายใหม่ๆ และหาทางผลักดันการส่งออกไปตลาดใหม่ เช่น ตุรกี อินเดีย นิวซีแลนด์ เพื่อขยายการส่งออกด้วย
สำหรับกิจกรรมไฮไลต์ภายในงานจะมีการจัดเวทีระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับทิศทางการผลิตและการค้ามันสำปะหลังของโลก เพื่อให้เกษตรกร ผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้ส่งออก ได้ทราบถึงทิศทางการผลิตและการค้า เพื่อที่จะวางแผนการผลิตได้ถูกต้อง และยังจะมีการแนะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมมันสำปะหลัง ส่วนกิจกรรมที่น่าสนใจอื่นๆ เช่น การจัดนิทรรศการมันสำปะหลัง การจัดแสดงสินค้ามันสำปะหลัง การจัดเวทีเจรจาธุรกิจ เป็นต้น
นายกีรติ รัชโน รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯ ได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในปี 2561 ที่ 10.6 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากปี 2560 ที่ส่งออกได้ 11 ล้านตัน มูลค่าเท่ากันที่ 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในช่วง 4 เดือนของปี 2561 (ม.ค.-เม.ย.) ส่งออกได้แล้ว 3.6 ล้านตัน ลดลง 8% มูลค่า 1,178 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 26% ซึ่งจะเห็นได้ว่าแม้ไทยจะส่งออกลดลง แต่มูลค่าปรับตัวสูงขึ้นมาก เป็นผลมาจากมาตรการที่กรมฯ ได้ผลักดัน ทั้งการสนับสนุนให้ภาคเอกชนร่วมกันวางแผนทำตลาด การผลักดันให้ปลูกมันคุณภาพ การหาตลาดรองรับผลผลิตนอกเหนือจากตลาดจีน ทำให้มีความต้องการมันเพิ่มขึ้น และส่งผลให้ราคาปรับตัวดีขึ้น โดยขณะนี้ราคาอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 2.90-3.00 บาท เพิ่มขึ้นกว่า 100% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน