เอกชน 11 รายยื่นซองประมูลซื้อข้าวเสื่อมล็อตสุดท้าย 5.3 แสนตัน คิดเป็น 97.60% จากที่เปิดประมูล มูลค่า 1,802 ล้านบาท ราคาดีกว่าประมูลครั้งก่อน ส่วนยอดระบายข้าวยุค คสช. ถึงปัจจุบันระบายไปแล้ว 16.89 ล้านตัน มูลค่า 1.45 แสนล้านบาท เผยเตรียมรายงาน นบข.ติดตามข้าวหาย 1 ล้านตัน
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงผลการเปิดประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐบาลเข้าอุตสาหกรรมที่มิใช่การบริโภคของคนและสัตว์ (ข้าวกลุ่ม 3) ครั้งที่ 1/2561 ปริมาณ 5.4 แสนตัน ใน 80 คลัง วันที่ 15 มิ.ย. 2561 ว่ามีผู้ผ่านคุณสมบัติ 15 ราย แต่ยื่นซองเสนอราคา 13 ราย ซึ่งผลการเปิดซองมีผู้เสนอซื้อราคาสูงสุด 11 ราย ใน 64 คลัง ปริมาณ 5.3 แสนตัน หรือคิดเป็น 97.60% ของข้าวที่นำมาเปิดประมูลทั้งหมด มูลค่า 1,802 ล้านบาท หรือสามารถขายได้ราคาเฉลี่ยตันละ 3,220 บาท เป็นราคาเสนอซื้อที่สูงกว่าการเปิดประมูลครั้งก่อนเฉลี่ยตันละ 3,043 บาท โดยผู้เสนอซื้อมาจากกลุ่มผลิตเอทานอล เชื้อเพลิง ปุ๋ย และกรดมะนาว
ทั้งนี้ กรมฯ จะนำผลการเสนอราคาสูงสุดของข้าวกลุ่ม 3 เสนอต่อคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวสต๊อกรัฐบาลในวันที่ 19 มิ.ย. และนำเสนอต่อคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวที่มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานในวันที่ 29 มิ.ย. ก่อนนำเสนอผลต่อประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ต่อไป คาดว่าจะทราบผลสรุปการอนุมัติขายในช่วงต้นเดือน ก.ค.นี้
“เมื่อรวมกับการเปิดประมูลข้าวกลุ่ม 2 เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2561 ที่มีผู้เสนอซื้อราคาสูงสุดปริมาณ 1.48 ล้านตัน จากที่นำมาเปิดประมูล 1.49 ล้านตัน จะทำให้เหลือข้าวทั้ง 2 กลุ่ม เพียงแค่ 2 หมื่นตัน หรือเกือบหมดสต๊อกรัฐบาล และถือว่าบรรลุเป้าหมายการระบายข้าว เป็นความสำเร็จของ นบข. และคณะทำงานระบายข้าวชุดก่อนหน้านี้ ที่ผลักดันขายข้าวออกจากสต๊อกเกือบหมด 18 ล้านตัน ที่ค้างมาตั้งแต่ปี 2557 ทั้งนี้ หากนับตั้งแต่ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศและดำเนินการระบายข้าวพบว่าสามารถระบายข้าวได้แล้ว 16.89 ล้านตัน มูลค่า 1.45 แสนล้านบาท” นายอดุลย์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมการค้าต่างประเทศเตรียมรายงานที่ประชุม นบข. ในการประชุมครั้งหน้า เพื่อหารือถึงปริมาณข้าวในสต๊อกรัฐบาลที่ยังติดค้างกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และยังไม่สามารถนำออกมาระบายได้ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรก ปริมาณข้าวทางบัญชีที่รัฐบาลปัจจุบันรับมา 18.70 ล้านตัน แต่ คสช.ตรวจนับได้ 17.76 ล้านตัน หรือขาดหายไป 9.4 แสนตัน ซึ่งข้าวในส่วนนี้ หายไปจากคลังและกำลังอยู่ระหว่างการติดตามข้าวดังกล่าว และส่วนที่ 2 คือ ข้าวที่ นบข.อนุมัติขาย 16.89 ล้านตัน จากที่ตรวจนับได้ 17.76 ล้านตัน หรือขาดหายไป 8.7 แสนตัน ซึ่งเกิดปัญหาจากผู้ชนะประมูลไม่มาทำสัญญารับมอบข้าว โดย อคส.กับ อ.ต.ก.อยู่ระหว่างการสะสางปัญหากับคู่สัญญา และเกิดจากการที่คลังเก็บข้าวหมดสัญญาเช่า ทำให้ไม่สามารถนำข้าวออกมาจำหน่ายได้ รวมถึงบางคลังไม่มีการทำสัญญาเช่าแต่แรก แต่มีการเก็บข้าวสารสต๊อกรัฐบาล เป็นต้น ซึ่งจะต้องหาทางแก้ไขปัญหา และคาดว่า ข้าวทั้ง 2 ส่วนจะต้องหาข้อสรุปใช้ระยะเวลานาน อาจถึงรัฐบาลชุดหน้าที่จะต้องเข้ามารับผิดชอบ