“พาณิชย์” เผยการค้าชายแดนและผ่านแดนครึ่งปีแรกทะลุ 6.78 แสนล้าน เพิ่ม 6.78% เผยมาเลเซียนำโด่งค้าขายอันดับหนึ่ง ตามด้วย สปป.ลาว พม่า กัมพูชา จีนตอนใต้ เวียดนาม และสิงคโปร์ มั่นใจครึ่งปีหลังยังเพิ่มต่อเนื่อง จากความต้องการสินค้าไทยและเศรษฐกิจคู่ค้าขยายตัว ทั้งปีเป้า 15% ทำได้แน่
นายวันชัย วราวิทย์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยในช่วง 6 เดือนของปี 2561 (ม.ค.-มิ.ย.) มีมูลค่า 678,623 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.78% โดยเป็นการส่งออก 385,550 ล้านบาท ลดลง 0.79% และนำเข้า 293,073 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.70% โดยเกินดุลการค้า 92,476 ล้านบาท และหากแยกเป็นเฉพาะการค้าชายแดนมีมูลค่า 553,717 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.36% เป็นการส่งออก 325,202 ล้านบาท ลดลง 1.57% นำเข้า 228,515 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.17% เกินดุลการค้า 96,686 ล้านบาท และการค้าผ่านแดนมูลค่า 124,906 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.01% เป็นการส่งออก 60,348 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.69% นำเข้า 64,558 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.09% ขาดดุลการค้า 4,210 ล้านบาท
การค้าชายแดนเมื่อแยกเป็นรายประเทศ พบว่า การค้ากับมาเลเซียยังคงนำเป็นอันดับหนึ่ง มีมูลค่า 278,341 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9% ตามมาด้วย สปป.ลาว มูลค่า 107,742 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.33% พม่า มูลค่า 97,265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.58% และกัมพูชา มูลค่า 70,369 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.31% ส่วนการค้าผ่านแดน จีนตอนใต้มียอดค้าขายอันดับหนึ่ง มูลค่า 42,650 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.28% รองลงมาคือ เวียดนาม มูลค่า 41,654 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.83% และสิงคโปร์ มูลค่า 40,602 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.99%
นายวันชัยกล่าวว่า กรมฯ คาดว่าการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนในช่วงครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง และทั้งปีจะทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 15% โดยมีปัจจัยบวกจากความต้องการสินค้าไทยและเศรษฐกิจของคู่ค้าที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยมาเลเซียมีการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจและดำเนินโครงการของรัฐให้โปร่งใสเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ทำให้เศรษฐกิจมาเลเซียจะเติบโตขึ้น และ สปป.ลาวมีโครงการ Visit Laos Year 2018 เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ตั้งเป้า 5 ล้านคน และในช่วงครึ่งปี 2561 ทำได้แล้ว 2 ล้านคน ซึ่งส่งผลให้มีความต้องการสินค้าไทยเพิ่มขึ้น
ส่วนกัมพูชา จะมีการเลือกตั้งวันที่ 29 ก.ค. 2561 โดยคาดว่าพรรคของนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันจะได้รับการเลือกตั้งและกลับมาบริหารประเทศ ทำให้เกิดความต่อเนื่องและมีผลดีต่อการค้าไทย และไทยยังมีโอกาสส่งออกไปยังกัมพูชาทาง จ.เกาะกง ที่ขณะนี้ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ขณะที่พม่า ต้องติดตามใกล้ชิด เพราะค่าเงินจ๊าดอ่อนตัวลงมากกว่า 1,400 จ๊าดต่อเหรียญสหรัฐ ทำให้สินค้านำเข้ามีราคาสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการที่ต่างชาติชะลอการลงทุนเพราะความไม่มั่นคงในรัฐยะไข่ตอนเหนือ แต่ก็มีปัจจัยบวกจากนิคมอุตสาหกรรมเจ้าตานที่เมืองเมาะลำไยที่ดึงดูดการลงทุน โดยมีนักลงทุนเข้าไปมากแล้ว เช่น ปูนซีเมนต์ อาหาร เป็นต้น
