“พาณิชย์” เผยยอดใช้สิทธิ FTA 5 เดือน มีมูลค่า 2.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 20.48% อาเซียนนำโด่ง ตามด้วยจีน ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และอินเดีย แนะผู้ส่งออกขอใช้สิทธิ FTA ส่งออกผลไม้ไปจีน เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย เหตุภาษีเหลือ 0% ตั้งเป้าทั้งปียอดใช้สิทธิ 6.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 9% ส่วนการใช้สิทธิ GSP 5 เดือน 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 2.34% โดยสหรัฐฯ ใช้เยอะสุด
นางมนัสนิตย์ จิรวัฒน์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ในช่วง 5 เดือนของปี 2561 (ม.ค.-พ.ค.) มีมูลค่า 28,030.81 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 20.48% คิดเป็น 76.22% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ได้สิทธิ FTA มูลค่า 36,742.46 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยอาเซียนใช้สิทธิสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง มูลค่า 10,524.94 ล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมา คือ จีน มูลค่า 7,050.45 ล้านเหรียญสหรัฐ ออสเตรเลีย มูลค่า 3,924.84 ล้านเหรียญสหรัฐ ญี่ปุ่น มูลค่า 3,029.01 ล้านเหรียญสหรัฐ และอินเดีย มูลค่า 1,816.82 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ กรมฯ มั่นใจว่าการใช้สิทธิประโยชน์ FTA ในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศคู่เจรจา FTA ของไทยในปี 2561 จะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 65,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 9% เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจของคู่ค้าสำคัญของไทย เช่น จีน ยังคงมีการขยายตัวต่อเนื่อง และออสเตรเลีย ที่มีการเติบโตเช่นเดียวกัน ทำให้ทั้ง 2 ประเทศนี้ เป็นเป้าหมายในการส่งออกของไทยนอกจากอาเซียนและญี่ปุ่นที่เป็นคู่ค้าดั้งเดิมของไทย
“ช่วงนี้เป็นช่วงผลไม้ไทยออกสู่ตลาด กรมฯ ขอแนะนำให้ผู้ส่งออกพิจารณาใช้สิทธิ FTA ในการส่งออกไปยังประเทศคู่เจรจา เช่น จีน เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย ที่ปัจจุบันได้ลดภาษีลงเหลือ 0% แล้ว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกและทำให้ผลไม้ไทยแข่งขันได้ดีขึ้น ส่วนสินค้าเกษตรสำคัญอื่นๆ เช่น มันสำปะหลัง ก็ควรที่จะขอใช้สิทธิ FTA โดยไทยส่งออกไปจีนครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 70% แต่มีการใช้สิทธิ FTA ไม่ถึง 50% ถ้าใช้ก็จะทำให้สินค้าแข่งขันได้ดีขึ้น รวมทั้งขอให้พิจารณาใช้สิทธิส่งออกมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ไปนิวซีแลนด์ที่ลดภาษีเหลือ 0% ด้วย เพื่อขยายตลาดส่งออกของไทย”นางมนัสนิตย์กล่าว
ส่วนการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ที่ไทยยังคงได้จากญี่ปุ่น สวิสเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ สหรัฐฯ รัสเซียและเครือรัฐเอกราช พบว่า ในช่วง 5 เดือน มีมูลค่าการใช้สิทธิรวม 1,878.20 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 2.34% คิดเป็น 60.98% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ได้ GSP รวมมูลค่า 3,079.89 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยกว่า 90% เป็นการใช้สิทธิ GSP ส่งออกไปสหรัฐฯ มูลค่า 1,753.85 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.28% หรือคิดเป็น 67.43% ของมูลค่าการส่งออกที่ได้ GSP 2,600.85 ล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมา คือ รัสเซีย ใช้สิทธิ 66.24 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 8.13% สวิตเซอร์แลนด์ 48.58 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 60.84% นอร์เวย์ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 42.86% และญี่ปุ่น 4.52 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 32.13%