“พาณิชย์” เผยอียูยกเว้นการใช้มาตรการเซฟการ์ดกับสินค้าเหล็กไทยทุกรายการ เหตุมีส่วนแบ่งไม่เกิน 3% ของปริมาณนำเข้าทั้งหมด โดยจะไม่ถูกเก็บอากร 200 วัน แนะอย่าส่งออกจนเกินสัดส่วนที่กำหนดจะถูกใช้มาตรการได้ ชี้เหล็กกล้าไร้สนิมแผ่นรีดเย็นและลวดเหล็กเสี่ยง
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้ประกาศใช้มาตรการปกป้องชั่วคราวกับสินค้าเหล็กรวม 23 กลุ่มสินค้า เช่น เหล็กกล้าไร้สนิมแผ่นรีดเย็น และลวดเหล็ก เพื่อป้องกันความเสียหายร้ายแรงที่จะเกิดแก่อุตสาหกรรมภายในของสหภาพยุโรป (อียู) โดยไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่ได้รับการยกเว้นจากการใช้มาตรการชั่วคราวดังกล่าวในทุกรายการสินค้า เนื่องจากเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาที่มีปริมาณการนำเข้าไม่เกิน 3% ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมดของอียู โดยมาตรการชั่วคราวดังกล่าวเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. 2561 เป็นระยะเวลาไม่เกิน 200 วัน
ทั้งนี้ กรมฯ ขอให้ผู้ประกอบการมีความระมัดระวังในเรื่องปริมาณการส่งออกสินค้าเหล็กไปอียู เนื่องจากข้อมูลการนำเข้าของอียูพบว่าสินค้าเหล็ก 2 กลุ่มสินค้าที่ส่งออกจากประเทศไทยมีสัดส่วนการนำเข้าในอียูค่อนข้างสูงกว่าสินค้ากลุ่มอื่น คือ เหล็กกล้าไร้สนิมแผ่นรีดเย็น และลวดเหล็ก หากการนำเข้าเกิน 3% ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมดอียูก็อาจกลับมาใช้มาตรการเซฟการ์ดเพื่อเรียกเก็บอากรกับการนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยได้
กระบวนการไต่สวนขั้นต่อไป อียูจะจัดให้มีการประชุมเพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียต่อผลการไต่สวนในช่วงกลางเดือน ก.ย. 2561 ซึ่งกรมฯ ได้แจ้งความประสงค์เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวแล้ว เพื่อยืนยันประเด็นการขอให้ยกเว้นประเทศไทยออกจากรายชื่อประเทศที่ถูกใช้มาตรการเซฟการ์ดสำหรับประกอบการพิจารณาตัดสินและมีผลการไต่สวนในชั้นที่สุดต่อไป
อียูได้เปิดไต่สวนเพื่อพิจารณาใช้มาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น หรือ Safeguard Measure กับสินค้าเหล็กชนิดต่างๆ รวม 26 กลุ่มสินค้าตั้งแต่เดือน มี.ค. 2561 และต่อมาได้เพิ่มรายการสินค้าอีก 2 กลุ่มสินค้าในเดือน มิ.ย. 2561 รวมเป็น 28 กลุ่มสินค้า ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้เร่งหาข้อมูลและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งข้อมูลโต้แย้งแก้ต่างถึงคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งต่อมาอียูได้มีการประกาศใช้มาตรการปกป้องชั่วคราวกับ 23 กลุ่มสินค้า โดยยกเว้นไทย