xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” ประเมินสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ไม่กระทบไทย แต่มีโอกาสส่งออกได้เพิ่มราว 1 พันล้านเหรียญ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“พาณิชย์” ประเมินสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ยังไม่กระทบไทย แต่จะได้ประโยชน์ส่งออกเพิ่มขึ้นราว 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ระบุผลกระทบหลังเปิดศึก ทำเสถียรภาพการค้าโลกสั่นคลอน ตลาดเงินตลาดทุนปั่นป่วน คาดใน 2-3 เดือนอาจเปิดโต๊ะเจรจากัน เผยจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อหารือในเรื่องนี้อีกครั้ง

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค.ได้ทำการประเมินสถานการณ์การตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2561 ที่ผ่านมา โดยพบว่าไทยจะยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง นอกจากเรื่องตลาดทุนตลาดเงินที่มีความผันผวนสูง แต่ในทางกลับกัน ไทยจะได้ประโยชน์จากการส่งออกสินค้าบางประเภทไปขายทดแทนสินค้าที่สหรัฐฯ และจีนมีการปรับขึ้นภาษีระหว่างกัน โดยมีมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 0.42% ของมูลค่าการส่งออกของปี 2560

ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้ประกาศเก็บภาษีเข้าสินค้าจีนจำนวน 1,102 รายการ มุ่งสินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับนโยบาย Made in China 2025 และจีนตอบโต้มาตรการดังกล่าวในทันทีด้วยการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ จำนวน 649 รายการ พุ่งเป้าสินค้าสำคัญที่มีนัยยะทางการเมือง กลุ่มการเกษตร ยานยนต์ และสินค้าประมง โดยมาตรการของทั้งสองประเทศมีมูลค่าการค้าใกล้เคียงกันประมาณ 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

โดยการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ และจีนครั้งนี้ แบ่งเป็นสินค้า 2 กลุ่ม คือ สินค้ากลุ่มที่ 1 ฝั่งสหรัฐฯ 818 รายการ และฝั่งจีน 545 รายการ มีอัตราการเก็บภาษีเพิ่ม 25% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 34,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มีผลบังคับใช้พร้อมกันวันที่ 6 ก.ค. 2561 และสินค้ากลุ่มที่ 2 ฝั่งสหรัฐฯ 284 รายการ และฝั่งจีน 114 รายการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสหรัฐฯ ยังอยู่ในกระบวนการทำประชาพิจารณ์ ก่อนที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) จะประกาศรายการสินค้าและมาตรการที่จะใช้ต่อไป (ยังไม่กำหนดวันที่ชัดเจน)

น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวว่า ผลจากการตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ 2 อันดับแรกของโลก ได้ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการค้าโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และบั่นทอนบรรยากาศการค้าการลงทุนโลก โดยในระยะสั้นตลาดเงินและตลาดทุนมีแนวโน้มผันผวนจากความกังวลต่อสถานการณ์และความไม่แน่นอนด้านนโยบายของทั้งสองประเทศซึ่งอาจส่งผลต่อการค้าการลงทุนด้วย โดยอาจมีการชะงักงันในการสั่งซื้อสินค้า และผู้ส่งออกในจีนและสหรัฐฯ อาจเริ่มมองหาตลาดอื่นทดแทน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถานการณ์อาจมียังคงตึงเครียดระยะ 2-3 เดือนข้างหน้า แต่ในที่สุดแล้วทั้งสองฝ่ายอาจมีท่าทีผ่อนคลายข้อกีดกันทางการค้าลง หากประชาชน เกษตรกร หรือภาคธุรกิจ โดยเฉพาะในฝั่งสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบจากสินค้าขึ้นราคาต้นทุนสูงขึ้น เพราะจีนได้คัดเลือกกลุ่มสินค้าเป้าหมายที่เป็นฐานเสียงโดยตรงของประธานาธิบดีทรัมป์ จึงอาจถูกกดดันให้ทบทวนมาตรการขึ้นภาษีก็เป็นได้

ส่วนผลกระทบต่อไทย สนค.ยังไม่พบการส่งออกสินค้าที่เข้าข่ายถูกขึ้นภาษีระหว่างกันทะลักเข้ามาไทยสูงขึ้นกว่าปกติ หากมีสัญญาณผิดปกติ กระทรวงพาณิชย์ก็มีมาตรการต่างๆ ที่ดำเนินการได้ทันทีอยู่แล้ว ซึ่ง สนค.จะมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือ และเตรียมแผนรับมือในเร็วๆ นี้ รวมทั้งจะผลักดันให้ไทยกำหนดยุทธศาสตร์ทางการค้าใหม่ โดยจะต้องเร่งสร้างพันธมิตรทางการค้าการลงทุนเพิ่มขึ้นและมากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงในการส่งออกหากตลาดส่งออกปัจจุบันมีปัญหา


กำลังโหลดความคิดเห็น