เอเอฟพี/มาร์เกตวอตช์ - ราคาน้ำมันในวันพุธ (13 มิ.ย.) ขยับขึ้น หลังพบคลังสำรองปิโตรเลียมลดลงเกินคาดหมาย ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบแรง หลังเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยและส่งสัญญาณเตรียมปรับขึ้นในอัตราที่ก้าวร้าวกว่าเดิมท่ามกลางการเติบโตของเศรษฐกิจ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 28 เซ็นต์ ปิดที่ 66.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 86 เซ็นต์ ปิดที่ 76.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานในวันพุธ (13 มิ.ย.) ว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 มิถุนายน ลดลงถึง 4.1 ล้านลาร์เรล ถือเป็นสัปดาห์ที่ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 30 มีนาคม
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันขยับลงไม่มากนัก เนื่องจากในรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ ยังเผยให้เห็นเช่นกันว่ากำลังผลิตน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของอเมริกาที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และข้อมูลเมื่อเร็วๆ นี้ที่บ่งชี้ว่าโอเปกได้ยกระดับการผลิตขึ้นแล้ว
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพุธ (13 มิ.ย.) ปิดลบแรง หลังธนาคารกลางอเมริกา (เฟด) มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยและส่งสัญญาณจะปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในปีนี้ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ดาวโจนส์ ลดลง 119.53 จุด (0.47 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 25,201.20 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 11.22 จุด (0.40 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,775.63 จุด แนสแดค ลดลง 8.10 จุด (0.11 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,695.70 จุด
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันพุธ (13 มิ.ย.) ปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ และส่งสัญญาณจะปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในปี 2018 กับอีก 4 ครั้งในปี 2019
ถ้อยแถลงของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดย้ำว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะไม่ฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจ ขณะที่พวกเขาปรับเปลี่ยนการใช้ถ้อยคำในถ้อยแถลงเพื่อแสดงว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการปรับตัวดีขึ้น โดยระบุว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจ “ได้ปรับตัวขึ้นในอัตราที่แข็งแกร่ง” จากเดิมที่ใช้คำว่า “ได้ปรับตัวขึ้นปานกลาง” ในการประชุมเดือน มี.ค.
นอกจากนี้แล้ว วอลล์สตรีทยังถูกกดดันจากความกังวลรอบใหม่เกี่ยวกับสงครามการค้า หลังมีรายงานข่าวว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเดินหน้ารีดภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มเติม