เอเอฟพี/มาร์เกตวอตช์ - ราคาน้ำมันลงในวันพุธ (6 มิ.ย.) หลังพบคลังปิโตรเลียมสำรองสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นผิดคาด ส่วนวอลล์สตรีทพุ่งแรงได้แรงหนุนจากภาคธนาคาร ขณะที่ทองคำปิดลบเล็กน้อย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 79 เซ็นต์ ปิดที่ 64.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 2 เซ็นต์ ปิดที่ 75.36 ดอลลาร์
ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันมีขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานในวันพุธ (6 มิ.ย.) ระบุว่าคลังน้ำมันดิบสำรองรายสัปดาห์ของประเทศเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 1 มิถุนายน สวนทางกับที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล
ในขณะเดียวกัน รายงานเปิดเผยด้วยว่าสต๊อกเบนซินก็เพิ่มขึ้น 4.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว เช่นเดียวกับคลังสำรองน้ำมันกลั่นที่เพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพุธ (6 มิ.ย) เพิกเฉยต่อความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า โดยหุ้นกลุ่มธนาคารช่วยดันดาวโจนส์และแนสแดคทุบสถิติสูงสุดตลอดกาล 3 วันติด
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 346.41 จุด (1.40 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 25,146.39 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 23.55 จุด (0.86 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,772.35 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 51.38 จุด (0.67 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,689.24 จุด
หุ้นกลุ่มธนาคารได้แรงหนุนจากความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางยุโรปที่ระบุว่าธนาคารกลางแห่งนี้จะประชุมกันในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือว่าเมื่อไหร่จะลดระดับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งมโหฬาร
พวกนักวิเคราะห์มองว่าความคิดเห็นดังกล่าวเป็นการยืนยันถึงความคืบหน้าในการกระชับนโยบายทางกาารเงิน ซึ่งมันช่วยดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้น และเพิ่มความคาดหมายว่าธนาคารต่างๆ จะทำเงินได้มากขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าเดิม
ส่วนราคาทองคำในวันพุธ (6 มิ.ย.) ปรับลดในกรอบแคบๆ จับตาการประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก จี 7 ในช่วงปลายสัปดาห์ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 80 เซนต์ ปิดที่ 1,301.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์