ความอร่อยของอาหาร ขนมปัง เบเกอรี มักทำให้ผู้คนหลงใหลจนเลยเถิด เผลอรับประทานมากเกินความต้องการจนน้ำหนักพุ่ง พุงยื่น โดยลืมไปว่า ภัยร้ายที่น่ากลัวกว่านั้นรออยู่เบื้องหน้า
เป็นภัยร้ายที่มาพร้อมกับความสวยหวานอร่อยฟินของขนมปัง เบเกอรี หรืออาหารที่ใช้เนยขาวและมาการีน ซึ่งมีไขมันทรานส์ (Trans Fat) ซึ่งเป็นไขมันที่อันตรายที่สุด อันตรายกว่าไขมันอิ่มตัวถึง 2 เท่า โดยหลายประเทศในโลกกำลังตื่นตัวกับเรื่องนี้ เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้คนมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ และหลอดเลือด จนเสียชีวิตได้
ไม่น่าแปลกที่หลายประเทศเตรียมตัวประกาศกฎหมายห้ามใช้ไขมันทรานส์ในอาหาร โดยประเทศไทย ก็เป็นหนึ่งในนั้น!!!
@ไขมันทรานส์ อันตรายอย่างไร
ในงานเปิดตัวเบเกอรีไร้ไขมันทรานส์ ของเทสโก้ โลตัส ภายใต้ชื่องานว่า “Healthy @ Heart ใส่ใจ ให้คนไทยสุขภาพดี” โดยมี นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ ประธานกรรมการฝ่ายกิจการบรรษัท เทสโก้ โลตัส, นางมาลี จิรวงศ์ศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านมาตรฐานอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และ อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการอิสระชื่อดังของไทย มาร่วมพูดคุยถึง ไขมันทรานส์ ไขมันที่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ที่คร่าชีวิตคนมาแล้วนับไม่ถ้วน
ไขมันทรานส์ เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว พบได้เล็กน้อยในธรรมชาติ แต่ส่วนมากแล้วเกิดขึ้นจากการปรุงแต่งของมนุษย์ โดยกระบวนการเติมไฮโดรเจนลงในกรดไขมันไม่อิ่มตัว(Partially Hydrogenated Oils: PHOs) เพื่อเปลี่ยนสภาพของเหลวของน้ำมันให้แข็งขึ้น หรือมีสภาพกึ่งแข็งกึ่งเหลว เพื่อให้เก็บได้นาน ไม่มีกลิ่นหืน แต่กลับเป็นดาบสองคมที่สร้างอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์อย่างมหันต์
ที่ผ่านมามีการวิจัยพบว่าการบริโภคไขมันทรานส์ส่งผลเสียต่อสุขภาพ โดยเฉพาะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคในกลุ่ม “NCDs” (Non-communicable diseases) หมายถึงกลุ่มโรคไม่ติดต่อ ที่มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมในการบริโภค และการใช้ชีวิต เช่น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน
กระแสตื่นตัวเพื่อสร้างความตระหนักรู้จึงเกิดอย่างแพร่หลายในโลกใบนี้รวมถึงเมืองไทย เนื่องจากพบไขมันทรานส์อยู่ในอาหารที่เราๆ ท่านๆ ชื่นชอบแทบทั้งนั้น อันดับ 1 มาการีน มีปริมาณไขมันทรานส์ 0.08-15.32 กรัมต่อ 100 กรัม อันดับ 2 โดนัททอด 0.02-5.14 กรัมต่อ 100 กรัม อันดับ 3 พาย 0.03 - 4.39 กรัมต่อ 100 กรัม อันดับ 4 พัฟและเพสตรี 0.01-2.46 กรัมต่อ 100 กรัม อันดับ 5 เวเฟอร์ช็อกโกแลต 0.06-6.24 กรัมต่อ 100 กรัม
@ปี 2566 โลกจะไม่มีไขมันทรานส์
อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการอิสระชื่อดังของไทย กล่าวว่า “ปัจจุบันโรคไม่ติดต่อ (Non Communicable Diseases - NCD) เช่น โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคหวาน มัน เค็ม และไขมัน รวมถึงไขมันทรานส์ จัดเกินไป คร่าชีวิตคนไทยถึง 73% และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้น ต้องฉลาดรู้ที่จะเลือกรับประทาน”
ฉลาดรู้ในการบริโภคที่ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการคนดังกล่าวถึงคือ การใช้สูตร 6:6:1 นั่นคือ บริโภคน้ำตาลไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา น้ำมันไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา และเกลือไม่เกินวันละ 1 ช้อนชา นอกจากนั้นยังควรหลีกเลี่ยงการรับประทานไขมันทรานส์ที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดมากกว่าไขมันอิ่มตัวปกติถึง 2 เท่า
โดยองค์การอนามัยโลก WHO ได้ประกาศรณรงค์ให้ทั่วโลกยุติการใช้ไขมันทรานส์ภายในปี ค.ศ. 2023 (พ.ศ. 2566) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อป้องกันการเสียชีวิตจากการบริโภคอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันทรานส์ ซึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารซึ่งไม่เป็นผลดีต่อผู้บริโภค เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจสูงถึงร้อยละ 21 และเสียชีวิตร้อยละ 28 ซึ่งถ้ายุติได้จะช่วยชีวิตคนได้ถึง 10 ล้านคน
ด้าน นางมาลี จิรวงศ์ศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านมาตรฐานอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในฐานะหน่วยงานที่มีการรณรงค์ในเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว กล่าวว่า การกินอาหารที่มีไขมันทรานส์จะก่อให้เกิดความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้น ซึ่งคนเราไม่ควรกินอาหารที่มีไขมันทรานส์เกินร้อยละ 1 ของพลังงาน ซึ่งพลังงานเฉลี่ยที่ควรได้รับอยู่ที่ 2,000 กิโลแคลอรีต่อวัน
“สิ่งสำคัญของการบริโภคในทุกวันนี้ คือ เราต้องปรับสมดุลแห่งการกิน ต้องปรับพฤติกรรมอย่ารับประทานเกินสิ่งที่ร่างกายต้องการ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการออกมาพัฒนาสินค้าเพื่อสุขภาพทำให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น สร้างทางเลือกที่ดีทางด้านสุขภาพมากขึ้น โดยเร็วๆ นี้น่าจะมีการประกาศใช้กฏหมายห้ามใช้ไขมันทรานส์ในอาหารแล้ว”
@เทสโก้ โลตัส ประกาศเบเกอรีทุกชิ้นไร้ไขมันทรานส์
นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ ประธานกรรมการฝ่ายกิจการบรรษัท เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า “เทสโก้ โลตัส ได้ปรับสูตรเบเกอรีและขนมปังแบรนด์เทสโก้ทุกรายการให้ปราศจากไขมันทรานส์ โดยยกเลิกการใช้เนยขาวและมาการีนที่มีไขมันทรานส์ แต่ยังคงรสชาติที่อร่อยเหมือนเดิม ซึ่งเป็นการเปลี่ยนสูตรก่อนที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข จะประกาศใช้กฏหมายห้ามใช้ไขมันทรานส์ในอาหารเพื่อลดความเสี่ยงโรคหัวใจ-หลอดเลือด ซึ่งเทสโก้ โลตัส ไม่ได้ปรับราคาเบเกอรีหลังเปลี่ยนสูตร เพื่อให้ลูกค้าและประชาชนสามารถดูแลสุขภาพของตนเองได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากปกติ”
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2561 นี้ เทสโก้ โลตัสได้สร้างทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพให้แก่ผู้บริโภค ด้วยการทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพในหลากหลายหมวดหมู่ อาทิ น้ำอัดลมสูตรน้ำตาลน้อยตราเทสโก้ 4 รสชาติ มีปริมาณน้ำตาลน้อยกว่า 6 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร และได้รับตราสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพเป็นแบรนด์เครื่องดื่มแรกๆ ของไทย
ด้วยความตื่นตัวในการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ มนุษย์โลกน่าจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพออกมาสู่ตลาด
แต่ทั้งนี้ก็ต้องตระหนักรู้ให้เท่าทัน เปลี่ยนพฤติกรรมในการบริโภค ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเอง!!!