กรมการแพทย์ ชี้ “โรคความดันโลหิตสูง” ทำเสี่ยงต่อโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ไตวาย และ โรคหัวใจ แนะ 6 วิธีหลีกเลี่ยงโรคความดันโลหิตสูง
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคความดันโลหิตสูง เป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญในระดับประเทศและระดับโลก สมาพันธ์ความดันโลหิตสูงโลกและสมาคมโรคความดันโลหิตสูงนานาชาติ จึงกำหนดให้วันที่ 17 พฤษภาคม ของทุกปี เป็น “วันความดันโลหิตสูงโลก” (World Hypertension Day) เพื่อให้ประชากรทั่วโลกมีความตระหนักต่อโรคความดันโลหิตสูง เพราะโรคนี้เป็นภัยเงียบโดยทั่วไปผู้ป่วยจะไม่มีสัญญาณเตือนหรือแสดงอาการให้เห็นชัดเจนในช่วงแรก แต่เกิดอาการก็ต่อเมื่อเข้าสู่ระยะสุดท้ายที่มีโรคแทรกซ้อนแล้ว โดยจะมีอาการปวดศีรษะ วิงเวียน ตาพร่ามัว อ่อนเพลีย เหนื่อย นอนไม่หลับ หัวใจเต้นผิดปกติ นำไปสู่ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจวาย หลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตัน ไตเสื่อม เส้นเลือดในสมองแตกทำให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต หรืออันตรายถึงชีวิต ความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ พบได้ถึงร้อยละ 80 - 90 อาจเกิดจากพันธุกรรม สิ่งแวดล้อม หรือปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น ความอ้วน การรับประทานอาหารรสเค็มจัด ความเครียด ขาดการ ออกกำลังกาย การตั้งครรภ์บ่อยครั้ง โรคเบาหวาน การรับประทานยาคุมกำเนิด
นพ.มานัส โพธาภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กล่าวว่า เนื่องจากความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุแต่สามารถป้องกันได้โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ความดันโลหิตสูง คือ 1. พยายามควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วน 2. ไม่รับประทานอาหารรสเค็มจัด 3. รับประทานผักและผลไม้เป็นประจำ 4. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 5. พักผ่อนให้เพียงพอ และ 6. ลดความเครียด ความวิตกกังวล ทำกิจกรรมที่รู้สึกผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง รดน้ำต้นไม้ อ่านหนังสือ งดบุหรี่และสุรา นอกจากนี้ ควรตรวจเช็กร่างกายและวัดความดันโลหิตเป็นประจำ ทั้งนี้ หากพบว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงควรรักษากับแพทย์อย่างต่อเนื่องเพราะโรคนี้เป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หาย แต่สามารถควบคุมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้