เทสโก้ โลตัส เปิดตัวเบเกอรีทุกชิ้นไร้ไขมันทรานส์

เทสโก้ โลตัส ขานรับไลฟ์ไสตล์เฮลตี้ของลูกค้ายุค 4.0 ตั้งเป้าพัฒนาสินค้าที่ดีต่อสุขภาพ ภายใต้แนวคิด Healthy@Heart ใส่ใจให้คนไทยสุขภาพดี เปิดตัวสินค้าหลากหลายกลุ่ม เพิ่มทางเลือกเพื่อสุขภาพให้แก่ลูกค้า โดยยังคงคอนเซ็ปต์ อร่อย ดีต่อสุขภาพ ในราคาที่เอื้อมถึงได้ ปรับสูตรเบเกอรีแบรนด์เทสโก้ทุกรายการให้ปราศจากไขมันทรานส์

นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ ประธานกรรมการฝ่ายกิจการบรรษัท เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า เทสโก้ โลตัส มุ่งมั่นในการนำเสนอสินค้าคุณภาพสูงในราคาที่เอื้อมถึงได้ให้แก่ลูกค้า และยังตั้งปณิธานในการช่วยดูแลให้ลูกค้ามีสุขภาพดี ด้วยการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารที่ดีต่อร่างกาย จึงได้ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้น ภายใต้แนวคิด Healthy@Heart ใส่ใจให้คนไทยสุขภาพดี โดยล่าสุดได้มีการปรับสูตรเบเกอรีแบรนด์เทสโก้ทุกรายการให้ปราศจากไขมันทรานส์ (trans fat free) โดยยังคงรสชาติความอร่อยและราคาที่เอื้อมถึงได้เหมือนเดิม เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าคุณภาพสูงและดีต่อสุขภาพได้ง่ายขึ้น

เทสโก้ โลตัส พบว่าพฤติกรรมลูกค้าในปัจจุบันหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น ทั้งจากการรณรงค์ของภาครัฐ ผนวกกับการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพผ่านการรับประทานอาหารที่ดี ปลอดภัย ผลิตในแหล่งที่ได้มาตรฐาน จึงเป็นที่มาของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพของลูกค้ามากขึ้น อาทิ น้ำอัดลมตราเทสโก้ ที่มีปริมาณน้ำตาลน้อยกว่า 6 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร โดยเป็นหนึ่งในน้ำอัดลมชนิดแรกๆ ในประเทศไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ มีปริมาณน้ำตาลและแคลอรีน้อยกว่าน้ำอัดลมปกติ แต่ยังคงความอร่อย ชื่นใจ ไว้เหมือนเดิม

นอกจากนั้น เทสโก้ โลตัสได้ปรับสูตรเบเกอรีและขนมปังแบรนด์เทสโก้ทุกรายการให้ปราศจากไขมันทรานส์ โดยยกเลิกการใช้เนยขาวและมาการีนที่มีไขมันทรานส์ แต่ยังคงรสชาติที่อร่อยเหมือนเดิม ซึ่งเป็นการเปลี่ยนสูตรก่อนที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข จะประกาศใช้กฎหมายห้ามใช้ไขมันทรานส์ในอาหารเพื่อลดความเสี่ยงโรคหัวใจ-หลอดเลือด ซึ่งเทสโก้ โลตัสไม่ได้ปรับราคาเบเกอรีหลังเปลี่ยนสูตรเพื่อให้ลูกค้าและประชาชนสามารถดูแลสุขภาพของตนเองได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากปกติ

ด้าน อ.สง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการอิสระชื่อดังของเมืองไทย กล่าวว่า ปัจจุบันสาเหตุที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตมากก็คือ โรค NCDs หรือโรคไม่ติดต่อที่เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคหวาน มัน เค็ม และไขมัน จัดเกินไป ทำให้เกิดโรคเบาหวาน โรคความดัน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด โดยในจำนวน 100 คน ตายด้วย NCDs ถึง 73 คน แนวโน้มมีแต่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผมดีใจที่เทสโก้ โลตัส ขานรับในเรื่องเทรนด์สุขภาพได้อย่างรวดเร็ว

“อาหารที่อร่อย และดีต่อสุขภาพไปด้วยกันได้ เพียงแต่เราต้องฉลาดรู้ที่จะเลือกรับประทาน โดยอยากให้คนไทยหันมาสนใจกับการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ลดหวาน มัน เค็ม โดยใช้สูตร 6:6:1 หรือการบริโภคน้ำตาลไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา,น้ำมันไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา, เกลือ ไม่เกินวันละ 1 ช้อนชา”

ขณะที่ นางมาลี จิรวงศ์ศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านมาตรฐานอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวเสริมว่า “สิ่งสำคัญคือ เราต้องปรับสมดุลแห่งการกิน ต้องปรับพฤติกรรมการบริโภคอย่าให้เกินสิ่งที่ร่างกายต้องการ หรือไม่เกิน 2,000 กิโลแคลอรีต่อวัน ส่วนเรื่องการรณรงค์ อย.ก็ทำมานานแล้ว การที่มีผู้ประกอบการออกมาพัฒนาสินค้าเพื่อสุขภาพทำให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายขึ้นก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี โดยในเร็วๆ นี้น่าจะมีการประกาศใช้กฎหมายห้ามใช้ไขมันทรานส์ในอาหารแล้ว”

ตั้งแต่ต้นปี 2561 นี้ เทสโก้ โลตัสได้สร้างทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพให้แก่ผู้บริโภค ด้วยการทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพในหลากหลายหมวดหมู่ เช่น

· กลุ่มแผนกอาหารสด จำหน่ายผักผลไม้คุณภาพสูง มาจากแหล่งเพาะปลูกที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย และล่าสุดได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่มผลไม้ตัดแต่งพร้อมรับประทาน เพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ที่อยากรับประทานอาหารว่างที่มีประโยชน์

· กลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน เริ่มต้นด้วยเบเกอรีปราศจากไขมันทรานส์ ที่ได้รับการรับรองว่าเป็นสินค้าที่ปราศจากไขมันทรานส์ คือ มีปริมาณไขมันทรานส์รวมกันน้อยกว่า 0.5 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ

· กลุ่มสินค้าอาหารแห้ง ได้มีการเปิดตัว น้ำอัดลมสูตรน้ำตาลน้อยตราเทสโก้ 4 รสชาติ มีปริมาณน้ำตาลน้อยกว่า 6 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร และได้รับตราสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพเป็นแบรนด์เครื่องดื่มแรกๆ ของไทย ตลอดจนรับซื้อข้าว กข.43 หรือข้าวที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ (Low GI: Low Glycaemic Index) ช่วยชาวนาขยายตลาดข้าวเพื่อสุขภาพสู่ผู้บริโภคร่วมกับกรมการค้าภายใน ผ่านร้านค้าของเทสโก้ โลตัส ทั่วประเทศ โดยในเบื้องต้นรับซื้อข้าวในปริมาณ 150,000 กิโลกรัม ขนาดบรรจุถุงละ 1 กิโลกรัม จำหน่ายถุงละ 60 บาท เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2561 ที่สาขารูปแบบไฮเปอร์มาร์เกตทั่วประเทศ