“ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี” ตั้งเป้าขายก๊าซแอลพีจีโต 3% ในช่วง 3 ปีนี้ จากปี 2560 มีปริมาณขายอยู่ที่ 8.8 แสนตัน ทำให้รายได้และกำไรโตขึ้นด้วย เผยปีนี้หันมาทำตลาดส่งออกก๊าซฯ ไปพม่าและลาวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1.2 หมื่นตัน/ปี พร้อมสนใจนำเข้าแอลพีจีหลังรัฐเปิดเสรี และวางงบลงทุน 550 ล้านขยายคลังบางปะกงเฟส 3
นายนพวงศ์ โอมาธิกุล ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัทดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน) (WP) ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ภายใต้แบรนด์เวิลด์แก๊ส เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตปริมาณการขายแอลพีจีในช่วง 3 ปีนี้ (2561-2563) เฉลี่ยโตปีละ 3% โดยปีนี้คาดว่าจะมียอดการขายแอลพีจีอยู่ที่ 9 แสนตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขายราว 8.8 แสนตัน ทำให้ผลประกอบการทั้งรายได้และกำไรปีนี้โตขึ้นจากปี 2560 ที่มีรายได้ 1.55 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิ 131 ล้านบาทหากราคาแอลพีจีไม่เปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทหันมาเน้นทำตลาดส่งออกแอลพีจีไปยังประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้นทั้งพม่า และลาว โดยวางเป้าหมายส่งออกแอลพีจีไว้ที่ 1.2 หมื่นตันจากที่เพิ่งเริ่มทำตลาดส่งออกเมื่อปลายปี 2560 ตั้งเป้าภายใน 3 ปีข้างหน้าการส่งออกมีสัดส่วน 5% ของยอดขายหรือประมาณ 4 หมื่นตัน
แนวโน้มธุรกิจแอลพีจีในปีนี้มีการเติบโตในทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นภาคครัวเรือนที่บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2 คิดเป็นสัดส่วน 21-22% รองจาก ปตท. ภาคอุตสาหกรรมก็มีการเติบโตเช่นกัน เว้นแต่ภาคยานยนต์ที่พบว่ายอดใช้แอลพีจีสำหรับยานยนต์ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่เชื่อว่ายอดขายในกลุ่มธุรกิจนี้จะลดลงไม่มากเหมือนเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาน้ำมันได้ทยอยปรับเพิ่มขึ้น อีกทั้งบริษัทจะหันมาเน้นคุณภาพ และการให้บริการมากขึ้น
นายนพวงศ์กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ 550 ล้านบาทเพื่อก่อสร้างคลังก๊าซแห่งใหม่ที่บางปะกง เฟส 3 บรรจุก๊าซได้ 9,500 ตัน คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปีนี้ และเสร็จปี 2562 ทำให้บริษัทมีความสามารถบรรจุก๊าซเพิ่มขึ้นเป็น 18,000 ตัน รองรับความต้องการของลูกค้าที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ จากปัจจุบันมีคลังก๊าซอยู่ 5 แห่งใน 4 จังหวัด คือ จ.ฉะเชิงเทรา ที่อำเภอบางปะกง 2 เฟส, จ.ขอนแก่น ที่ อ.บ้านแฮด 1 แห่ง และ อ.ท่าพระ 1 แห่ง, จ.สมุทรสงคราม ที่ อ.บางจะเกร็ง 1 แห่ง และ อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง 1 แห่ง ซึ่งการขยายคลังก๊าซฯ ช่วยลดภาระการเช่าคลังลงจากอดีตเคยมีค่าใช้จ่ายเช่าคลังปีละ 100 ล้านบาทลดลงเหลือ 30 ล้านบาทในปีที่แล้ว และปีนี้คาดว่ามีค่าใช้จ่ายเช่าคลังอยู่ที่ 20 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทมีโรงบรรจุก๊าซจำนวน 11 แห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ รวมถึงมีสถานีบริการแอลพีจี 2 แห่ง และยังมีบริษัทลูกชื่อ Eagle Intertrans ที่เป็นเจ้าของรถขนส่งก๊าซมากถึง 160 คัน โดยบริษัทได้วางนโยบายที่จะรุกธุรกิจพลังงานในทุกรูปแบบเพื่อสร้างความเติบโตให้ธุรกิจ
นายนพวงศ์กล่าวต่อไปว่า บริษัทสนใจที่จะนำเข้าแอลพีจีเพื่อจำหน่ายในประเทศและเพื่อส่งออก หลังจากที่ภาครัฐเปิดเสรีธุรกิจแอลพีจีทำให้ราคาเป็นไปตามกลไกตลาดเสรีมากขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบ และต้นทุนดำเนินการที่เหมาะสมว่าคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งหากภาครัฐสนับสนุนและต้นทุนสามารถแข่งขันได้ บริษัทก็พร้อมที่จะทดลองนำเข้าในปริมาณที่ไม่มากและเช่าคลังเก็บแอลพีจีของ ปตท.ก่อน ซึ่งขณะนี้บริษัทได้เริ่มเจรจาเรื่องค่าเช่ากับ ปตท. ถ้าตกลงกันได้ก็อาจจะเห็นการนำเข้าเกิดขึ้นในปีนี้
ส่วนการประกาศปรับเปลี่ยนราคาก๊าซแอลพีจีเป็นรายสัปดาห์แทนรายเดือนนั้น เนื่องจากภาครัฐต้องการให้สะท้อนราคาที่แท้จริง แต่การปรับราคาของแอลพีจีมีกระบวนการที่แตกต่างจากน้ำมันเพราะเกี่ยวข้องกับผู้ค้าและผู้ใช้แอลพีจีในหลายภาคส่วน ดังนั้นบริษัทเห็นว่าการปรับราคาแอลพีจีเป็นรายสัปดาห์นั้นเร็วเกินไป และยังทำให้ผู้ค้าสับสนเพราะไม่สามารถปรับราคาได้ทัน ซึ่งบริษัทได้ส่งข้อมูลให้ภาครัฐพิจารณาแล้ว พร้อมเสนอให้มีการปรับราคารายเดือนน่าจะเป็นผลดีกว่า
