ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ ปี 2561 เตรียมเพิ่มคลังกระจายสินค้าแห่งใหม่-เจาะตลาดต่างประเทศ รับธุรกิจก๊าซ LPG คึก ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากภาคครัวเรือน และภาคอุตสาหกรรม ผู้บริหารเผยสนใจลงทุนธุรกิจพลังงานทุกรูปแบบ หากให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว พร้อมตั้งเป้าเป็นผู้นำธุรกิจพลังงานครบวงจร ทีมบริหารชุดใหม่จะมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจ และเพิ่มศักยภาพองค์กร เพื่อผลักดันธุรกิจของบริษัทให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืน วางเป้ายอดขายปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 3%
นายกนกศักดิ์ ปิ่นแสง ประธานกรรมการบริหาร และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพีเอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ WP เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจปี 2561 ของบริษัทว่ายังมีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากความต้องการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่เพิ่มขึ้นทั้งจากในภาคครัวเรือน และภาคอุตสาหกรรม ทำให้ตลาดก๊าซ LPG กลับมาคึกคักได้อีกครั้ง และส่งผลบวกต่อผลประกอบการของบริษัทให้เติบโตตามไปด้วย โดยปี 2561 บริษัทคาดว่ายอดขายรวมจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 3% พร้อมตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำธุรกิจพลังงานทดแทนอย่างครบวงจร ซึ่งบริษัทมีความสนใจเข้าลงทุนในธุรกิจพลังงานทุกรูปแบบ หากสิ่งนั้นให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้บริษัทมีแผนสร้างคลังกระจายสินค้าแห่งใหม่ ซึ่งคาดว่าจะใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่มีกระจายอยู่ทั่วประเทศ จากปัจจุบัน บริษัทมีคลังกระจายสินค้าอยู่จำนวนทั้งสิ้น 5 แห่ง ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่อำเภอบางปะกง แบ่งเป็น 2 เฟส (อยู่ระหว่างดำเนินการเพิ่มอีก 1 เฟส), จังหวัดขอนแก่น ที่อำเภอบ้านแฮด 1 แห่ง และที่อำเภอท่าพระ 1 แห่ง, จังหวัดสมุทรสงคราม ที่อำเภอบางจะเกร็ง 1 แห่ง และที่อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง 1 แห่ง
นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนใหม่ (CLMV) โดยล่าสุด ได้ขยายตลาดไปที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ (พม่า) และมีแผนขยายตลาดไปที่ สปป.ลาว เพิ่มเติม เนื่องจากมองว่า กลุ่ม CLMV เป็นตลาดที่ยังขยายตัวได้อีกมาก เพราะยังมีความต้องการใช้ก๊าซค่อนข้างสูงทั้งในภาคครัวเรือน และอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจุบัน บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดยอดขายก๊าซ ภายใต้แบรนด์ “เวิลด์แก๊ส” เป็นอันดับ 2
ปัจจุบัน บริษัทยังมีโรงบรรจุก๊าซอีก 11 แห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ รวมถึงมีปั๊มหรือสถานีบริการก๊าซ 2 แห่ง และยังมีบริษัทลูกชื่อ Eagle Intertrans ที่เป็นเจ้าของรถขนส่งก๊าซมากถึง 160 คัน โดย WP ถือหุ้น 100% ใน Eagle Intertrans ทำให้ในอนาคต WP สามารถขยายธุรกิจไปยังระบบขนส่งด้านอื่น ๆ ได้อีกมาก
“นับต่อจากนี้ ทีมผู้บริหารชุดใหม่จะมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการวางยุทธศาสตร์เชิงรุกเดินหน้าขยายกิจการ เพิ่มศักยภาพองค์กร การบริหารจัดการ และฐานเงินทุนให้มีความแข็งแกร่ง ยกระดับการให้บริการโดยคำนึงถึงความพึงพอใจของลูกค้าทุกกลุ่มเป็นสำคัญ เพื่อก้าวขึ้นผู้นำทางด้านธุรกิจ LPG ของประเทศ และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างถาวร” นายกนกศักดิ์ กล่าว