เอเชีย ไบโอแมส มองแนวโน้มราคาเชื้อเพลิงชีวมวลขยับเพิ่มสูงขึ้นหลังจากโรงไฟฟ้าชีวมวลในญี่ปุ่นทยอยแล้วเสร็จใน 2 ปีข้างหน้า ดันสัดส่วนยอดขายส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 25% ใน 3-5 ปี
นางสาวธิญาดา ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย ไบโอแมส จำกัด (มหาชน)(ABM) เปิดเผยว่า ใน 2 ปีข้างหน้าโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ญี่ปุ่นที่ตั้งขึ้นเพื่อทดแทนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะทยอยจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) ทำให้เกิดความต้องการเชื้อเพลิงชีวมวลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกะลาปาล์ม ไม้สับ และชีวมวลอัดแท่ง (Wood Pellets) เป็นต้น ส่วนในปีนี้เกาหลีจะมีการนำเข้าเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่งเพิ่มขึ้นเป็น 3.8 ล้านตันจากปีที่แล้ว 2.4 ล้านตัน โดยบริษัทได้ส่งออกไปจำหน่าย 7 พันตันในปี 2560 ทำให้แนวโน้มราคาเชื้อเพลิงชีวมวลในอนาคตคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น จากปัจจุบันราคากะลาปาล์มอยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐ/ตัน และชีวมวลอัดแท่ง 130 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพิ่มขึ้นจากปลายปีที่แล้วอยู่ที่ 80-90 เหรียญสหรัฐ/ตัน
ส่วนกรณีที่ภาครัฐส่งเสริมให้เกิดโรงไฟฟ้าชีวมวลใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 300 เมกะวัตต์เพื่อทดแทนกรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่และเทพาชะลอออกไป 3 ปีนั้น บริษัทฯ มองว่าเป็นโอกาสในการเป็นผู้ซัปพลายขายวัตถุดิบเชื้อเพลิงชีวมวลให้โรงไฟฟ้า แต่ก็มีความกังวลในด้านการแย่งชิงเชื้อเพลิงชีวมวลที่จะส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น จึงอยากให้รัฐมองสภาพความเป็นจริงของตลาดเน้นคุณภาพเมกะวัตต์ ไม่ใช้ราคาต่อเมกะวัตต์
ทั้งนี้ บริษัทได้วางเป้าหมาย 3-5 ปีข้างหน้าจะมียอดขายจากการส่งออกเชื้อเพลิงชีวมวลไปต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากปีนี้สัดส่วนการส่งออกจะกลับสู่ภาวะปกติ 20% โดยเร่งทำตลาดส่งออกเชื้อเพลิงป้อนโรงไฟฟ้าประเทศในแถบเอเชียโดยเฉพาะเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น
นางสาวธิญาดากล่าวว่า บริษัทฯ มีความพร้อมในการจัดหาเชื้อเพลิงชีวมวลทั้งในและต่างประเทศ โดยมีคลังเก็บสินค้ารวม 4 แห่งในมาเลเซียและอินโดนีเซีย เพื่อจัดซื้อกะลาปาล์มจากทั้ง 2 ประเทศส่งออกไปญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ส่วนในไทยมีคลังเก็บสินค้าอีก 4แห่ง โดยจะปรับปรุงคลังสินค้าใช้ระบบสายพานมากขึ้นเพื่อจัดเก็บสินค้าได้มากกว่า 2.4 แสนตัน รวมทั้งลดต้นทุนด้านลอจิสติกส์โดยเน้นการขนส่งทางเรือเป็นหลัก
รวมทั้งล่าสุดบริษัทฯ ได้มีการลงนามสัญญาร่วมทุนกับ บมจ.แฟนซีวู๊ด อินดัสตรีส (FANCY) เพื่อประกอบกิจการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง (Wood Pellets) จากวัตถุดิบตามธรรมชาติ เช่น ขี้เลื่อย ขี้กบ และเศษไม้ต่างๆ เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเฟสแรกจะผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง 5 พันตัน/เดือน จะแล้วเสร็จในสิ้นปีนี้ หลังจากนั้นจะลงทุนเฟส 2 ทันที คาดว่าจะเสร็จในปี 2562 ใช้เงินลงทุนรวม 160 ล้านบาท โดยเป็นการใส่ทุนของบริษัทราว 31 ล้านบาท
